ข้อมูลนักแสดง
- ชื่อ: Jason Statham (เจสัน สเตธัม)
- วันเกิด: วันที่ 26 กรกฎาคม 1967 ที่เมืองชิเร็บบรุก ประเทศอังกฤษ
- อาชีพก่อนเข้าวงการ:
- นักกีฬากระโดดน้ำทีมชาติอังกฤษ (เคยแข่งในระดับนานาชาติ)
- นายแบบ
- นักขายของตลาดนัด
จุดเริ่มต้นสู่อาชีพนักแสดงของ Jason Statham
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเขาถูกผู้กำกับ Guy Ritchie ชักชวนให้มาแสดงภาพยนตร์เรื่อง Lock, Stock and Two Smoking Barrels (1998) ซึ่งกลายเป็นใบเบิกทางสำคัญในวงการฮอลลีวูด
เส้นทางสู่นักแสดงแอ็กชันของเจสัน
หลังจากแจ้งเกิด เจสันก็ยืนหนึ่งกับบทสายดาร์ก บู๊ และคูล โดยเฉพาะในภาพยนตร์อย่าง Snatch (2000) และ The Transporter (2002) ที่เขารับบท “Frank Martin” คนขับรถขนของมือโปรที่มีฝีมือการต่อสู้ระดับพระกาฬ ซึ่งบทนี้กลายเป็นภาพจำของเขาไปตลอดกาล
ผลงานเด่นที่แฟนห้ามพลาด
The Transporter Trilogy (2002–2008) – หนังที่ทำให้เขาขึ้นแท่นนักบู๊ระดับโลก
Crank (2006) – บ้าระห่ำจนกลายเป็นหนัง cult ที่ใครดูแล้วลืมไม่ลง
Fast & Furious Franchise (2013–ปัจจุบัน) – รับบท “Deckard Shaw” ตัวร้ายกลายเป็นฮีโร่สุดเท่
The Meg (2018) – นักดำน้ำที่ต้องรับมือกับฉลามยักษ์ในหนังแอ็กชัน-ไซไฟ
Wrath of Man (2021) – กลับมาร่วมงานกับ Guy Ritchie ในบทมือปืนเงียบขรึมที่เต็มไปด้วยความลับ
จุดเด่นของ Jason Statham คาแรกเตอร์ที่ไม่ต้องพยายามก็ “เท่”
เจสัน สเตธัม มีเสน่ห์เฉพาะตัวตรงที่เขา ไม่ใช่พระเอกแบบหล่อเกลี้ยง แต่มาพร้อมความจริงจัง คำพูดน้อย แต่ต่อยหนัก แถมยังใช้ร่างกายจริงในการถ่ายทำเกือบทุกฉาก ไม่พึ่งสตันท์เท่าที่จะทำได้ ซึ่งช่วยเสริมความสมจริงให้กับหนังของเขาทุกเรื่อง
ชีวิตนอกจอ
แม้ในจอจะดูโหด แต่ในชีวิตจริงเจสันถือเป็นคนที่เรียบง่าย เขาคบหากับนางแบบสาวสุดฮอต Rosie Huntington-Whiteley และมีลูกด้วยกันหนึ่งคน เขายังเป็นคนรักสุขภาพและกีฬา โดยเฉพาะกีฬาต่อสู้และการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง
หนังที่แนะนำสำหรับมือใหม่หัดดูเจสัน
ถ้าใครยังไม่เคยสัมผัสผลงานของเจสัน สเตธัม เราขอแนะนำ 3 เรื่องที่ “ต้องดู”:
The Transporter – เปิดโลกความเท่
Crank – หนังแอ็กชันสายเพี้ยน
Wrath of Man – ความดาร์กที่ดูจบแล้วจะจดจำ
เจสัน สเตธัม คือนิยามของ “นักแสดงสายบู๊ที่มีของจริง” เขาไม่ได้เป็นแค่คนวิ่งไล่ยิงในหนัง แต่คือคนที่มอบทั้งสไตล์ คาแรกเตอร์ และความเข้มข้นให้กับทุกบทบาทที่เขาได้รับ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนหนังแอ็กชันหรือไม่ แค่ได้ดูเจสันต่อยสักรอบ คุณก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยู่ในใจคนดูทั่วโลก
