Bruce Willis (บรูซ วิลลิส) ตำนานดายฮาร์ดที่โลกจดจำ และชีวิตที่ไม่ใช่หนังฮอลลีวูด

Bruce Willis (บรูซ วิลลิส) ตำนานดายฮาร์ดที่โลกจดจำ และชีวิตที่ไม่ใช่หนังฮอลลีวูด
Bruce Willis (บรูซ วิลลิส) ตำนานดายฮาร์ดที่โลกจดจำ และชีวิตที่ไม่ใช่หนังฮอลลีวูด

ในยุคที่ฮอลลีวูดครองโลกด้วยพระเอกกล้ามโตและฉากระเบิดตูมตาม หนึ่งในชื่อที่ผุดขึ้นทันทีเมื่อพูดถึงหนังแอ็กชันระดับตำนานก็คือ Bruce Willis บรูซ วิลลิส ชายผู้พลิกโฉมภาพฮีโร่ด้วยบุคลิกที่ไม่ได้มาจากความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ แต่คือความจริงใจ ความกล้าหาญ และอารมณ์ขันแบบประชดประชันที่กลายเป็นลายเซ็นของเขา ผลงานอย่าง Die Hard, Armageddon และ The Fifth Element ไม่เพียงสร้างเสียงฮือฮาในโรงภาพยนตร์ แต่ยังฝังลึกในความทรงจำของแฟนหนังทั่วโลก

บทบาท “จอห์น แม็คเคลน” ใน Die Hard กลายเป็นภาพจำที่ไม่มีใครลืมได้ — ตำรวจธรรมดาที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้ายโดยไม่มีอาวุธอะไรนอกจากไหวพริบและรองเท้าแตะ หนังเรื่องนี้ไม่เพียงพลิกชีวิตของวิลลิสให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ยังเปลี่ยนมาตรฐานหนังแอ็กชันในยุค 80s และ 90s ให้กลายเป็นแบบที่โลกต้องจำ

จุดเริ่มต้นในวงการของ Bruce Willis – เส้นทางก่อนจะดัง

Bruce Willis บรูซ วิลลิส เกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1955 ที่ฐานทัพในเยอรมนีตะวันตก ขณะนั้นพ่อของเขารับราชการทหาร เขาย้ายมาเติบโตที่นิวเจอร์ซีย์ สหรัฐฯ ในวัยเด็ก วิลลิสเคยมีอาการติดอ่างรุนแรง จนไม่กล้าพูดหน้าห้องเรียน แต่การแสดงในชมรมละครกลับช่วยให้เขาก้าวข้ามจุดนั้นได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความหลงใหลในศิลปะการแสดงที่ยังคงอยู่กับเขาตลอดมา

เขาเรียนต่อด้านการแสดงที่ Montclair State University ก่อนจะลาออกเพื่อทำงานหารายได้ — ไม่ว่าจะเป็นคนส่งของ รปภ. หรือบาร์เทนเดอร์ในนิวยอร์ก จนในที่สุดเขาก็ได้รับบทนำในซีรีส์ Moonlighting (1985–1989) ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับชาติ ด้วยบทบาทนักสืบฝีปากกล้า สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้พระเอกทีวี และเปิดประตูสู่โลกภาพยนตร์อย่างแท้จริง

Bruce Willis (บรูซ วิลลิส) ตำนานดายฮาร์ดที่โลกจดจำ และชีวิตที่ไม่ใช่หนังฮอลลีวูด

ผลงานเด่น – จากตำรวจธรรมดาถึงบทบาทซับซ้อน

Die Hard (1988) คือผลงานที่เปลี่ยนชีวิตของวิลลิส และเปลี่ยนมาตรฐานหนังแอ็กชันไปตลอดกาล เขาไม่ใช่แค่ “บู๊” แต่ยัง “แบกเรื่อง” ได้ด้วยเสน่ห์ที่จริงใจและอารมณ์ขันอันเป็นเอกลักษณ์ หนังเรื่องนี้สร้างภาคต่ออีกถึง 4 ภาค และทำรายได้มหาศาลทั่วโลก พร้อมประโยคทอง “Yippee-ki-yay” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของฮีโร่ผู้ไม่ยอมแพ้

แต่วิลลิสไม่ได้หยุดอยู่แค่บทตำรวจระห่ำ เขาแสดงฝีมือในบทซับซ้อนอย่าง Pulp Fiction ของ Tarantino, เล่นบทเศร้าหนักใน The Sixth Sense (1999), ร่วมข้ามเวลาหาเหตุใน 12 Monkeys (1995) และกลับมาบู๊ดาร์ก ๆ ใน Looper (2012) ผลงานเหล่านี้ตอกย้ำว่าเขาคือนักแสดงที่มีชั้นเชิงและเข้าได้กับทุกแนว ไม่ใช่แค่พระเอกแอ็กชันแบบสูตรสำเร็จ

และที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ Armageddon (1998) โดยบรูซรับบทเป็นพ่อ ใครที่เป็นแฟนบรูซต้องไม่พลาดเรื่องนี้แน่นอน!

ชีวิตส่วนตัวและครอบครัว – จากคู่รักคนดังถึงบทบาทพ่อบ้าน

ในช่วงพีคของชื่อเสียง วิลลิสแต่งงานกับนักแสดงสาวคนดัง เดมี มัวร์ (Demi Moore) และมีลูกสาวด้วยกัน 3 คน ได้แก่ Rumer, Scout และ Tallulah การเป็นครอบครัวคนดังระดับ A-list ทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจแยกทางในปี 2000 พวกเขาก็เลือกที่จะยังเป็น “เพื่อนกัน” และรักษาสายสัมพันธ์ของครอบครัวอย่างอบอุ่นและน่าชื่นชม

ต่อมา วิลลิสได้แต่งงานกับ เอ็มมา เฮมมิง (Emma Heming) นางแบบและนักแสดงอีกคน และมีลูกสาวเพิ่มอีก 2 คน คือ Mabel และ Evelyn เขากลายเป็นพ่อบ้านเต็มตัว ใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับครอบครัว และพยายามหลีกเลี่ยงสปอตไลต์ของฮอลลีวูดเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้ลูก ๆ หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงภาพเขาเดินเล่น ทำอาหาร หัวเราะกับครอบครัว — ภาพที่ต่างจากฮีโร่ระเบิดตึกในหนังแต่กลับอบอุ่นมากกว่า

ชีวิตปัจจุบัน – เมื่อสุขภาพกลายเป็นบทบาทที่ยากที่สุด

ในปี 2022 ครอบครัวของบรูซ วิลลิสออกแถลงการณ์ว่าเขาจะอำลาวงการบันเทิง เนื่องจากป่วยด้วยโรค aphasia ซึ่งกระทบต่อการสื่อสารและความเข้าใจของภาษา จากนั้นในปี 2023 ได้รับการวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าเป็นโรค frontotemporal dementia (FTD) ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรง แม้จะไม่มีทางรักษาให้หายขาด แต่วิลลิสยังคงได้รับการดูแลจากครอบครัวอย่างใกล้ชิด

ในวันที่เขาไม่ได้อยู่หน้ากล้อง วิลลิสกลับกลายเป็นศูนย์กลางของความรักจากภรรยา ลูก ๆ และแฟนคลับทั่วโลกที่ร่วมส่งกำลังใจอย่างล้นหลาม สื่อสังคมออนไลน์เต็มไปด้วยภาพและข้อความยกย่องเขาในฐานะ “ตำนานผู้ยังมีลมหายใจ” และแม้วันนี้เขาจะไม่พูดบนจออีกแล้ว แต่ทุกเสียงปรบมือยังดังอยู่เสมอ…เพื่อเขา

Bruce Willis อาจวางมือจากการแสดงไปแล้ว แต่บทบาทของเขายังดำรงอยู่ในหัวใจคนดูอย่างไม่มีวันจาง ไม่ว่าจะเป็นจอห์น แม็คเคลน ผู้เดินเท้าเปล่าต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย, หมอเด็กที่เห็นผีใน The Sixth Sense, หรือชายจากโลกอนาคตใน 12 Monkeys เขาคือนักแสดงที่สอนให้เรารู้ว่า “ความแข็งแกร่ง” ไม่จำเป็นต้องแสดงออกทางร่างกายเสมอไป — และในโลกจริง เขากำลังแสดงบทที่ยากที่สุดในชีวิต ด้วยศักดิ์ศรีและหัวใจที่เปี่ยมด้วยพลังไม่แพ้หนังแอ็กชันเรื่องไหนเลย

ก่อนจะจบบทความ เราขอจากกันไปด้วยเพลง Save The Last Dance For Me ที่บรูซ วิลลิสเคยขับร้องไว้ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นในยุค 80s เพลงที่วันนี้อาจฟังดูเรียบง่าย…แต่มันกลับเต็มไปด้วยเรื่องราว ความทรงจำ และหัวใจของตำนานคนหนึ่งที่โลกจะไม่มีวันลืม

ลลิน อัครเศรษฐ์

ลลิน อัครเศรษฐ์

ผู้เขียน

Scroll to Top