รีวิวหนัง Jurassic Park (1993) ตำนานไดโนเสาร์คืนชีพ กับหนังที่เปลี่ยนโลกภาพยนตร์ไปตลอดกาล

รีวิวหนัง Jurassic Park (1993) ตำนานไดโนเสาร์คืนชีพ กับหนังที่เปลี่ยนโลกภาพยนตร์ไปตลอดกาล

ข้อมูลหนัง

  • ชื่อภาพยนตร์: Jurassic Park
  • ปีที่ฉาย: 1993
  • หมวดหมู่: แอ็กชัน, ผจญภัย, ไซไฟ
  • ผู้กำกับ: สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg)
  • ความยาว: 127 นาที
  • วันเข้าฉาย: 11 มิถุนายน 1993 (สหรัฐอเมริกา)
  • คะแนน IMDb: 8.2/10

นักแสดง

  • แซม นีล (Sam Neill) รับบท ดร.อลัน แกรนต์
  • ลอร่า เดิร์น (Laura Dern) รับบท ดร.เอลลี แซตเลอร์
  • เจฟฟ์ โกลด์บลัม (Jeff Goldblum) รับบท ดร.เอียน มัลคอล์ม
  • ริชาร์ด แอทเทนโบโรห์ (Richard Attenborough) รับบท จอห์น แฮมมอนด์
  • เวย์น ไนท์ (Wayne Knight) รับบท เดนนิส เนดรี

ตัวอย่างหนัง Jurassic Park 1993

เรื่องย่อ

Jurassic Park พาผู้ชมไปสู่เกาะไอลา นูบลาร์ (Isla Nublar) ที่มหาเศรษฐี จอห์น แฮมมอนด์ ได้สร้างสวนสนุกที่ไม่เหมือนใคร เพราะที่นี่คือสถานที่ที่ ไดโนเสาร์ถูกโคลนนิ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยเทคโนโลยีชีวพันธุศาสตร์ เพื่อให้แน่ใจว่าสวนแห่งนี้จะปลอดภัยและสามารถเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้ เขาจึงเชิญนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ได้แก่ ดร.อลัน แกรนต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านซากดึกดำบรรพ์, ดร.เอลลี แซตเลอร์ นักพฤกษศาสตร์ และ ดร.เอียน มัลคอล์ม นักคณิตศาสตร์ทฤษฎีความโกลาหล ให้มาทดสอบสวนก่อนเปิดตัว

แต่แทนที่สวนสนุกแห่งนี้จะเป็นดินแดนมหัศจรรย์ ทุกอย่างกลับกลายเป็น ฝันร้าย เมื่อระบบรักษาความปลอดภัยล่ม ไดโนเสาร์หลุดออกมาและเริ่มล่าผู้คน และทำให้แขกทุกคนต้องเอาชีวิตรอดจากอาณาจักรที่ถูกยึดครองโดยสัตว์ดึกดำบรรพ์เหล่านี้

รีวิว Jurassic Park – หนังที่เปลี่ยนวงการภาพยนตร์ไปตลอดกาล

รีวิวหนัง Jurassic Park (1993) ตำนานไดโนเสาร์คืนชีพ กับหนังที่เปลี่ยนโลกภาพยนตร์ไปตลอดกาล

Jurassic Park ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ไซไฟ-ผจญภัยทั่วไป แต่มันเป็น ภาพยนตร์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการฮอลลีวูด ทั้งในด้านเทคนิคพิเศษ การเล่าเรื่อง และการนำเสนอไอเดียที่ล้ำยุค ในปี 1993 ไม่มีใครคาดคิดว่า CGI และอนิเมทรอนิกส์จะสามารถทำให้ไดโนเสาร์ดูสมจริงได้ถึงขนาดนี้

สตีเวน สปีลเบิร์ก ใช้เทคนิคการถ่ายทำที่ผสมผสานระหว่าง CGI (คอมพิวเตอร์กราฟิก) และ อนิเมทรอนิกส์ (หุ่นยนต์กลไกควบคุมด้วยมือ) อย่างลงตัว ทำให้ไดโนเสาร์ดูมีชีวิตราวกับเป็นสัตว์จริงๆ จนผู้ชมทั่วโลกเชื่อว่ามันมีตัวตนจริงๆ

ประเด็นทางวิทยาศาสตร์และศีลธรรม

นอกจากความตื่นเต้นแล้ว Jurassic Park ยังเต็มไปด้วยคำถามทางวิทยาศาสตร์และจริยธรรม “เราควรทำสิ่งที่เราทำได้ เพียงเพราะเราทำได้หรือไม่?” การคืนชีพไดโนเสาร์ไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยีและความอัจฉริยะของมนุษย์ แต่มันเกี่ยวข้องกับ ผลลัพธ์ที่ไม่อาจควบคุมได้

ดร.เอียน มัลคอล์ม (Jeff Goldblum) เป็นตัวละครที่สะท้อนมุมมองของ “ทฤษฎีความโกลาหล” ที่เตือนว่า ธรรมชาติย่อมหาทางของมันเองเสมอ การสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาโดยไม่คิดถึงผลกระทบในระยะยาวอาจนำไปสู่หายนะ และสิ่งที่เกิดขึ้นใน Jurassic Park ก็คือข้อพิสูจน์ของคำเตือนนั้น

ฉากไดโนเสาร์ที่กลายเป็นตำนาน

Jurassic Park มีหลายฉากที่ตราตรึงในใจผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น

  • ฉาก T-Rex หลุดจากกรง – ฉากฝนตกตอนกลางคืนที่เผยให้เห็นไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ เป็นครั้งแรก เป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของหนังไซไฟ
  • ฉากเวโลซีแรปเตอร์ในห้องครัว – ฉากที่เด็กสองคนต้องซ่อนตัวจากแรปเตอร์ที่ฉลาดและอันตราย กลายเป็นฉากระทึกขวัญที่ถูกพูดถึงมากที่สุด
  • ฉาก “Welcome to Jurassic Park” – ฉากเปิดตัวที่แฮมมอนด์พาแขกเยี่ยมชมไดโนเสาร์กินพืช เป็นฉากที่สร้างความตื่นตาตื่นใจและสะกดคนดู

เคมีของนักแสดง และตัวละครที่มีมิติ

  • แซม นีล (Sam Neill) และ ลอร่า เดิร์น (Laura Dern) ถ่ายทอดบทบาทของ ดร.อลัน แกรนต์ และ ดร.เอลลี แซตเลอร์ ได้เป็นอย่างดี พวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดแต่กลับต้องเผชิญกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย
  • เจฟฟ์ โกลด์บลัม (Jeff Goldblum) กับบท ดร.เอียน มัลคอล์ม กลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่โดดเด่น ด้วยคาแรกเตอร์ที่กวนแต่ฉลาด และคำพูดของเขาหลายประโยคยังถูกจดจำและอ้างถึงจนถึงทุกวันนี้
  • ริชาร์ด แอทเทนโบโรห์ (Richard Attenborough) ในบท จอห์น แฮมมอนด์ ทำให้เราเห็นภาพของนักธุรกิจที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์แต่ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย

คำติชมบางส่วน

ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษที่ล้ำสมัยและยังคงดูดีแม้เวลาผ่านไปกว่า 30 ปี เนื้อเรื่องที่สนุก ตื่นเต้น และเต็มไปด้วยประเด็นทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ ฉากแอ็กชันที่เป็นตำนานและยังคงถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

และแน่นอนว่าบางฉากอาจดูเชยเมื่อเทียบกับมาตรฐาน CGI ในปัจจุบัน ตัวละครบางตัวมีพัฒนาการที่ไม่มากนัก โดยเฉพาะตัวร้ายอย่างเนดรี

สรุปการรีวิว

Jurassic Park (1993) ไม่ใช่แค่หนังแอ็กชันผจญภัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์ แต่มันเป็น ผลงานที่เปลี่ยนวงการภาพยนตร์ ด้วยเทคนิคพิเศษที่ปฏิวัติวงการและเรื่องราวที่ลึกซึ้ง นี่คือหนังที่ผสมผสาน ความมหัศจรรย์ของวิทยาศาสตร์ เข้ากับความระทึกขวัญ และการผจญภัยได้อย่างลงตัว

Scroll to Top