
ข้อมูลหนัง
- ชื่อเรื่อง: Mission: Impossible 2 ฝ่าปฏิบัติการสะท้านโลก 2
- ปีที่ฉาย: 2000
- หมวดหมู่: แอ็กชัน, สายลับ, ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: จอห์น วู (John Woo)
- ความยาว: 123 นาที
- วันเข้าฉาย: 24 พฤษภาคม 2000
- คะแนน IMDb: 6.1/10
นักแสดง
- ทอม ครูซ (Tom Cruise) รับบท อีธาน ฮันต์
- ดูเกรย์ สก็อตต์ (Dougray Scott) รับบท ฌอน แอมโบรส
- แธนดี้ นิวตัน (Thandiwe Newton) รับบท ไนยาห์ นอร์ดอฟ-ฮอลล์
- วิง ราเมส (Ving Rhames) รับบท ลูเธอร์ สติคเคล

เรื่องย่อ: ภารกิจที่เดิมพันด้วยชีวิต และรักสามเส้าในโลกสายลับ
หลังจากที่ IMF ต้องเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหม่ อีธาน ฮันต์ (ทอม ครูซ) ถูกเรียกตัวกลับมาทำภารกิจ หยุดยั้งแผนร้ายของ ฌอน แอมโบรส (ดูเกรย์ สก็อตต์) อดีตสายลับ IMF ที่ทรยศและขโมยไวรัสชีวภาพสุดอันตราย “Chimera” พร้อมกับยาต้านไวรัส “Bellerophon” ไปเพื่อใช้เป็นอาวุธก่อการร้าย
เพื่อแทรกซึมเข้าไปใกล้แอมโบรส อีธานต้องร่วมมือกับ ไนยาห์ นอร์ดอฟ-ฮอลล์ (แธนดี้ นิวตัน) หัวขโมยสาวที่เคยเป็นอดีตคนรักของแอมโบรส เธอต้องปลอมตัวกลับไปหาศัตรูเก่าของเธอ ขณะที่อีธานเองก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่มีต่อเธอ
สิ่งที่ทำให้ภารกิจนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างอีธาน-ไนยาห์-แอมโบรส กลายเป็นเกมจิตวิทยาที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน เมื่อแอมโบรสเริ่มสงสัยไนยาห์ ขณะที่เธอเองก็ตกอยู่ในอันตรายอย่างต่อเนื่อง
เมื่อแผนของแอมโบรสกำลังจะสำเร็จ และ Chimera กำลังจะถูกปล่อยสู่โลก อีธานต้องแข่งกับเวลา เพื่อขโมยยาต้านไวรัส และหยุดยั้งอาชญากรที่อาจคร่าชีวิตผู้คนนับล้าน
ตัวอย่าง Mission: Impossible 2 (2000)
รีวิว Mission: Impossible (1996) ภาพยนตร์สายลับที่วางรากฐานให้แฟรนไชส์ระดับตำนาน
1. ธีมหลักของเรื่อง ภารกิจที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และแอ็กชันที่เหนือความคาดหมาย
Mission: Impossible 2 แตกต่างจากภาคแรกอย่างชัดเจน โดยเน้นไปที่แอ็กชันสุดระห่ำมากกว่าการจารกรรมลับ หนังถูกกำกับโดย John Woo ผู้เชี่ยวชาญด้านหนังแอ็กชันจากฮ่องกงที่มีสไตล์โดดเด่น ทำให้ภาคนี้เต็มไปด้วย ฉากสโลว์โมชั่น ฉากยิงปืนคู่ การต่อสู้ประชิดตัว และฉากไล่ล่าแบบมีศิลปะ
- ความตึงเครียดของรักสามเส้า: จุดที่แตกต่างจากภาคอื่น ๆ คือความเข้มข้นของความสัมพันธ์ ระหว่างอีธาน, ไนยาห์ และแอมโบรส ซึ่งเพิ่มมิติให้กับเรื่องราว มันไม่ใช่แค่เรื่องของสายลับและวายร้าย แต่เป็นเรื่องของอดีต ความไว้ใจ และความเสียสละ
- ไวรัส Chimera เป็นภัยคุกคามที่สมจริง: ภัยคุกคามในภาคนี้เป็นเรื่องของ ชีวภาพอาวุธที่สามารถกวาดล้างประชากรโลกได้ ซึ่งทำให้หนังมีความเป็นไซไฟกึ่งความจริง
- สัญลักษณ์ของ Chimera และ Bellerophon: ไวรัส Chimera มาจากตำนานกรีกเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ ขณะที่ Bellerophon เป็นฮีโร่ที่สามารถกำจัด Chimera ได้ สื่อถึงบทบาทของอีธานที่ต้องกลายเป็นวีรบุรุษในการกอบกู้โลก
2. การแสดง: ทอม ครูซและตัวร้ายที่น่าจดจำ
- ทอม ครูซ ในภาคนี้ เปลี่ยนจากสายลับผู้รอบคอบ กลายเป็นฮีโร่แอ็กชันเต็มตัว ภาพของอีธาน ฮันต์ภาคนี้คือ ชายที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ และพร้อมเดิมพันชีวิตเพื่อภารกิจ
- ดูเกรย์ สก็อตต์ ในบท ฌอน แอมโบรส เป็นตัวร้ายที่มีความแค้นส่วนตัวกับอีธาน และมีความสามารถเทียบเคียงกัน ทำให้ฉากปะทะกันมีความดุเดือดและสมจริง
- แธนดี้ นิวตัน ในบท ไนยาห์ เป็นตัวละครหญิงที่มีเสน่ห์ และมีบทบาทสำคัญมากกว่าการเป็นเพียงนางเอกของเรื่อง เธอไม่ใช่แค่ “ดอกไม้ประดับ” แต่เป็นศูนย์กลางของเรื่องราว
3. การกำกับและฉากแอ็กชัน: John Woo กับสไตล์สุดจัดจ้าน

- ฉากขี่มอเตอร์ไซค์สุดคลาสสิก: หนึ่งในฉากที่โด่งดังที่สุดคือ การไล่ล่าด้วยมอเตอร์ไซค์ ที่ผสมผสานการยิงปืนและแอ็กชันแบบสโลว์โมชั่น
- ฉากต่อสู้มือเปล่า: ภาคนี้เป็นครั้งแรกที่ อีธาน ฮันต์มีการต่อสู้ประชิดตัวแบบฮ่องกงสไตล์ ซึ่งเป็นลายเซ็นของ John Woo
- ฉากโรแมนติกที่แฝงความตึงเครียด: มีหลายฉากที่แสดงถึงอารมณ์ของตัวละคร โดยเฉพาะฉากที่ไนยาห์ต้องตัดสินใจเกี่ยวกับชะตากรรมของตัวเอง
คำติชมบางส่วน
Mission: Impossible 2 (2000) เนื้อเรื่องบางช่วงขาดความลึกซึ้ง เพราะเน้นแอ็กชันมากกว่าการวางแผนจารกรรม บางฉากดูโอเวอร์เกินไป เช่น ฉากยิงปืนและกระโดดหลบกระสุนที่ดูเป็นสไตล์ฮีโร่เกินไป
สรุป Mission Impossible 2 คือการพลิกโฉมของแฟรนไชส์ ด้วยแอ็กชันที่จัดเต็ม และเรื่องราวที่เข้มข้น
แม้ IMDb จะให้ 6.1/10 แต่สำหรับสายหนังแอ็กชัน ถือว่าเป็นภาคที่ดูสนุกและมีสไตล์เฉพาะตัว Mission: Impossible 2 อาจไม่ใช่หนังที่มีโครงเรื่องซับซ้อน แต่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและสไตล์การกำกับที่น่าจดจำ หากคุณอยากดูภาคที่มีฉากแอ็กชันสุดเท่และบรรยากาศที่แตกต่างจากภาคอื่น