
ข้อมูลหนัง
- ชื่อหนัง: Grafted (ถลก…นังหน้าสวย)
- ปีที่ฉาย: 2024
- หมวดหมู่: สยองขวัญ, ระทึกขวัญ, ดราม่า
- ผู้กำกับ: ซาช่า เรนโบว์ (Sasha Rainbow)
- ความยาว: 96 นาที
- วันเข้าฉาย: 6 มีนาคม 2025 (ประเทศไทย)
- คะแนน IMDb: 5.7/10
นักแสดงหลัก
จอยีน่า ซัน (Joyena Sun) รับบท เหว่ย
เจส ฮอง (Jess Hong) รับบท แองเจล่า
อีเดน ฮาร์ท (Eden Hart) รับบท อีฟ
จาเร็ด เทิร์นเนอร์ (Jared Turner) รับบท พอล
เซปี โทอา (Sepi To’a) รับบท จัสมิน

เรื่องย่อ Grafted ถลก…นังหน้าสวย
เหว่ย (รับบทโดย Joyena Sun) เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวจีนที่ได้รับทุนมาเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของนิวซีแลนด์ แต่ชีวิตของเธอที่นี่เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยว เนื่องจากเธอมี ปานแดงขนาดใหญ่บนใบหน้า ซึ่งทำให้เธอถูกกลั่นแกล้งและถูกเพื่อนร่วมห้องปฏิเสธที่จะคบหา นอกจากนี้ ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและภาษายังทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก
เมื่อเธอค้นพบว่างานวิจัยของพ่อผู้ล่วงลับ (อดีตศัลยแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ที่เคยศึกษาเกี่ยวกับ การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อและการสร้างเซลล์ผิวหนัง) ยังคงอยู่ เธอจึงเริ่มศึกษาและทดลองด้วยตัวเอง ด้วยความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของเธอและได้รับการยอมรับจากสังคม
ในช่วงแรก ดูเหมือนว่างานทดลองจะได้ผล เมื่อเหว่ยสามารถเปลี่ยนผิวของเธอให้เรียบเนียนขึ้น แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ กระบวนการนี้ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ผิวหนังใหม่ที่เธอได้รับ เริ่มมีชีวิตเป็นของตัวเอง และแสดงสัญญาณของบางสิ่งที่ “ผิดธรรมชาติ”
ขณะที่เธอเริ่มหลงใหลในความงามใหม่ เธอกลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความหมกมุ่นและยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก แม้ว่าจะต้องใช้เนื้อเยื่อจาก “แหล่งอื่น” ก็ตาม
สิ่งที่เริ่มต้นจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์กลับกลายเป็นฝันร้ายที่เธอควบคุมไม่ได้ เมื่อเธอพบว่าผิวหนังที่เธอ “ขโมย” มานั้นมีผลกระทบต่อจิตใจของเธอ ทำให้เธอค่อยๆ สูญเสียตัวตนของตัวเองไป
ตัวอย่างหนัง Grafted ถลก…นังหน้าสวย
รีวิว Grafted 2024
1. ประเด็นที่น่าสนใจในหนัง
(1) แรงกดดันทางสังคมและมาตรฐานความงาม
หนังสะท้อนประเด็น “Beauty Standard” หรือมาตรฐานความงามของสังคม ได้อย่างน่าสะพรึงกลัว เหว่ยเป็นตัวแทนของคนที่ รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ และพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายคนในสังคมปัจจุบันสามารถเชื่อมโยงได้
ในโลกแห่งความเป็นจริง การทำศัลยกรรมและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเรื่องปกติ แต่ในหนังเรื่องนี้กลับนำเสนอแนวคิดว่า “ความงาม” ไม่ได้มาฟรี ๆ และมีราคาที่ต้องจ่าย ซึ่งในกรณีของเหว่ย ราคานั้นอาจเป็นจิตใจและตัวตนของเธอเอง
(2) การแสดงออกถึงความเป็นคนนอก (Outsider Perspective)
Grafted ถ่ายทอดมุมมองของ “คนนอก” ได้อย่างลึกซึ้ง เหว่ยเป็นชาวต่างชาติในดินแดนที่เธอไม่คุ้นเคย เธอพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ แต่กลับพบว่าการได้รับการยอมรับนั้นยากกว่าที่เธอคิด
ในหลายฉาก หนังแสดงให้เห็นถึงการกีดกันและการเหยียดหยามที่เธอต้องเผชิญ เช่น การที่เพื่อนร่วมชั้นมองเธอเป็นเพียง “เด็กเอเชียขี้อาย” หรือการที่เพื่อนร่วมหอพักตั้งฉายาให้เธอเพราะปานบนใบหน้า
(3) การหลอมรวมระหว่างร่างกายกับเทคโนโลยี (Body Horror & Biotech Horror)
Grafted มีองค์ประกอบของ Body Horror ที่โดดเด่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ผิดธรรมชาติ หนังนำเสนอภาพของผิวหนังที่กลายเป็นสิ่งมีชีวิต หรือแม้แต่ เนื้อเยื่อที่ดูเหมือนจะมีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งเหล่านี้สร้างความรู้สึกไม่สบายใจและความหวาดกลัวในแบบที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในใจของผู้ชม
การใช้ เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotech Horror) ก็เป็นจุดเด่นอีกอย่างในหนัง เช่น การทดลองปลูกถ่ายเนื้อเยื่อที่ผิดพลาด หรือการพยายามดัดแปลงร่างกายของตัวเองจนสูญเสียความเป็นมนุษย์
2. บรรยากาศและงานภาพของหนัง
- Grafted ใช้ งานภาพที่เน้นโทนสีเย็นและมืดหม่น เพื่อสะท้อนความโดดเดี่ยวของตัวเอก
- ฉากสยองขวัญในเรื่องใช้เอฟเฟกต์ Practical Effect ผสม CGI อย่างลงตัว โดยเฉพาะฉาก ที่ผิวหนังของเหว่ยเริ่มเปลี่ยนแปลงและมีการเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต
- หนังเลือกใช้การ Close-Up Shot และ Body Horror Imagery เพื่อสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ชม ทำให้ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของเหว่ย ผู้ชมจะรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของมัน
3. บทสรุปและการตีความ
- หนังตั้งคำถามว่า “ความงามที่แท้จริงคืออะไร?”
- Grafted นำเสนอแนวคิดที่ว่า บางครั้งการพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ได้รับการยอมรับ อาจทำให้สูญเสียตัวตนของตัวเองไป
- หนังมี ตอนจบที่ชวนให้ขบคิด (และอาจสร้างความหลอนติดตาให้กับผู้ชม) โดยเฉพาะเมื่อเหว่ยต้องเผชิญกับผลลัพธ์ของการกระทำของตัวเอง
บทสรุปรีวิว Grafted 2024
Grafted เป็นหนังสยองขวัญที่มีความลึกซึ้งและชวนให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับ มาตรฐานความงาม, การยอมรับทางสังคม และขีดจำกัดของเทคโนโลยี หนังมีฉากที่ชวนอึดอัด งานภาพที่น่าขนลุก และประเด็นที่ทำให้ผู้ชมต้องขบคิดต่อแม้หนังจะจบไปแล้ว
แล้วคุณล่ะ…จะยอมเสี่ยงแค่ไหนเพื่อความงาม?