
ข้อมูลหนัง
- ชื่อหนัง: Project Silence (โปรเจกต์ ไซเลนซ์: เขี้ยวชีวะ คลั่งสะพานนรก)
- ปีที่ฉาย: 2023 (รอบปฐมทัศน์), 2024 (เข้าฉายในเกาหลีใต้)
- หมวดหมู่: แอ็กชัน / ระทึกขวัญ / ภัยพิบัติ / สัตว์ทดลอง
- ผู้กำกับ: คิมแทกอน (Kim Tae-gon)
- ความยาว: 96 นาที
- วันเข้าฉาย: 12 กรกฎาคม 2024 (เกาหลีใต้)
- คะแนน IMDb: 5.4/10
ตัวอย่างหนัง
เรื่องย่อ
เมื่อหมอกหนาและอุบัติเหตุรถชนต่อเนื่องบนสะพานอินชอนทำให้ผู้โดยสารหลายชีวิตติดอยู่กลางสะพาน สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือ การที่สัตว์ทดลองสายพันธุ์ดุร้ายจากโครงการลับทางทหาร “Project Silence” หลุดออกมาไล่ล่าทุกชีวิต ในสถานการณ์ที่การช่วยเหลือยังมาไม่ถึง ผู้คนเหล่านี้ต้องหาทางเอาชีวิตรอดก่อนจะตกเป็นเหยื่อของฝูงเขี้ยวคลั่งที่มองมนุษย์เป็นเพียงเป้าหมาย
นักแสดงและบทบาท
อีซอนคยุน (Lee Sun-kyun) รับบท ชาจองวอน (Cha Jung-won) ข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานรัฐบาล ผู้กำลังเดินทางไปสนามบินพร้อมลูกสาว ก่อนเกิดเหตุการณ์โกลาหลบนสะพาน
จูจีฮุน (Ju Ji-hoon) รับบท โจพัค (Joe Park)
ชายลึกลับที่ดูเหมือนไม่จริงจังกับชีวิต แต่กลับมีทักษะเอาตัวรอดและสัญชาตญาณเฉียบคม เป็นตัวละครสีสันที่คอยช่วยเหลือผู้รอดชีวิต
คิมฮีวอน (Kim Hee-won) รับบท ดร.ยาง (Dr. Yang)
นักวิจัยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการทดลอง “Project Silence” ที่หลุดจากการควบคุม
พัคจูฮยอน (Park Joo-hyun) รับบท ยูราฮี (Yoo Ra-hee)
ครูสอนขับรถที่ติดอยู่บนสะพานกับนักเรียนฝึกหัดของเธอ และต้องเผชิญหน้ากับฝูงสุนัขคลั่งแบบไม่ได้ตั้งตัว
คิมซูอัน (Kim Soo-an) รับบท ชาจูนา (Cha Ju-na)
ลูกสาวของชาจองวอน เด็กสาวที่ต้องเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์คับขัน
มุนซองกึน (Moon Sung-keun) รับบท รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีส่วนรับผิดชอบต่อโครงการลับ และเป็นตัวแทนของการเพิกเฉยของรัฐบาลในเรื่องนี้



รีวิวหนัง Project Silence (2023) ฝูงเขี้ยวคลั่งจากขุมนรก กับภารกิจหนีตายท่ามกลางหมอกหนา
Project Silence คืองานภาพยนตร์แนวเอาชีวิตรอดที่ผสมผสานระหว่าง “หนังสัตว์คลั่ง” กับ “หนังภัยพิบัติ” ได้อย่างน่าประทับใจ หนังใช้โลเคชันเพียงแห่งเดียวคือ “สะพานอินชอน” ที่เต็มไปด้วยหมอก หนาว แคบ และติดขัด แต่กลับสร้างความรู้สึก “คับแค้นใจ” ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ต่างจากหนังระดับฮอลลีวูดอย่าง The Mist หรือ Cloverfield ที่ทำให้ฉากเดียวกลายเป็นสนามรบทางอารมณ์
1.ประเด็นสังคมและการเมือง
แม้จะเป็นหนังระทึกขวัญเชิงพาณิชย์ แต่ Project Silence ก็แอบฝังความนัยเกี่ยวกับความล้มเหลวของระบบราชการและการทดลองทางทหารที่ไร้มนุษยธรรม ตัวละครกลุ่มทหารและนักวิจัยในเรื่องต่างแสดงให้เห็นถึงความไม่รับผิดชอบ ความลับที่ปิดบัง และการปัดความรับผิดชอบต่อความสูญเสียของประชาชน ความเงียบในชื่อเรื่องจึงหมายถึง “ความเงียบจากคนที่ควรจะพูด” มากพอ ๆ กับ “ความเงียบที่ฆ่าได้”
2. ตัวละครและการแสดง
อีซอนคยุน ถ่ายทอดบทพ่อที่กำลังสูญเสียทุกอย่างได้อย่างสมจริงและบีบหัวใจ เป็นการแสดงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก โดยเฉพาะฉากที่เขาต้องเลือกระหว่างการช่วยคนอื่นกับลูกสาวตัวเอง ขณะที่ จูจีฮุน กลับรับบทที่ต่างไปจากภาพลักษณ์เจ้าชายใน Kingdom มาเป็นชายปากไวสายตลก ที่กลายเป็นจุดผ่อนคลายของเรื่องอย่างชาญฉลาด
3. เทคนิคภาพและเสียง
การออกแบบเสียงในหนังถือว่าทำได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเสียงหายใจของสุนัขกลายพันธุ์ เสียงขู่อย่างเย็นเยียบในความเงียบ หรือเสียงระเบิดที่สะเทือนอารมณ์ CG มีความน่ากลัวอยู่พอสมควร แม้จะยังไม่สมบูรณ์ในบางช็อต แต่ภาพรวมก็ให้ความรู้สึก “เหมือนอยู่ในนั้นจริงๆ”
4. โครงเรื่องและจังหวะ
หนังดำเนินเรื่องกระชับ ไม่มีการเกริ่นยืดยาว เปิดมาปุ๊บเข้าสู่สถานการณ์วิกฤติทันที ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนได้รับอัดฉีดอะดรีนาลีนตั้งแต่ต้นจนจบ แม้พล็อตจะยังอยู่ในกรอบของหนังแนวเอาตัวรอด แต่การผสมประเด็นครอบครัว สัญชาตญาณเอาตัวรอด และบทสนทนาที่ไม่มากเกินไป ทำให้เรื่องดูไม่ซ้ำซาก
จุดเด่นของภาพยนตร์ Project Silence (2023)
โปรดักชั่นคุณภาพสูง: ฉากถล่มสะพานที่สมจริงมาก มี CG และเทคนิคสมัยใหม่ที่ช่วยเสริมบรรยากาศความระทึกขวัญ
จังหวะหนังรวดเร็ว เข้าใจง่าย: ความยาวเพียง 96 นาที ไม่มีเกิ่นให้เสียอารมณ์
การแสดงของ Lee Sun‑kyun และ Ju Ji‑hoon: Lee Sun‑kyun มีเสน่ห์จนเป็นที่จดจำ แม้เป็นผลงานสุดท้าย ส่วน Ju Ji‑hoon สร้างสีสันช่วยเบรกความตึงเครียด
ธีมเสียดสีการเมือง: สะท้อนว่าประชาชนไม่สามารถพึ่งพาผู้นำแบบตลอดได้ และต้องช่วยเหลือตัวเอง
แต่ยังมีจุดที่น่าเสียดาย อย่างเช่น การใช้โครงสร้างเดิม ๆ ของหนังภัยพิบัติแบบเกาหลี ทำให้นำเสนอน้อยไปสักหน่อย, ตัวละครบางตัวตื้นเขิน ไม่สมจริง เช่น สตอรี่กลุ่มตัวละครรอง มีการเลือกคู่บทพูด-แอ็คชั่นที่น่าเกาหัว รวมถึงงาน CG ไม่เนียนสุด ฉากสุนัขทดลองยังดูหลอกตาบ้าง
ความเห็นจากนักวิจารณ์ & ผู้ชม
Tom H (Rotten Tomatoes): “ภาพรวมหนังดูสนุก แต่ตัวละครไปทำเรื่องโง่ ๆ หลายช่วง”—ให้ 3.5/5 และ 2.5/5
Paul Lê (Bloody Disgusting): “สนุกและมีจังหวะดี สุนัขทดลองยกระดับหนังภัยพิบัติ” ให้คะแนน 3/5 skulls
ผู้ใช้ Pantip:
“จูจีฮุนกับน้องหมาแย่งซีนมาก… ดูเหมือนมีโอกาสภาคต่อ”
“โปรดักชั่นสมจริง แต่ตัวละครสูตรสำเร็จกว่าไปหน่อย”Metacritic User Score: 5.4/10
สรุปภาพรวมของภาพยนตร์ Project Silence เขี้ยวชีวะ คลั่งสะพานนรก (2023)
สำหรับคนรักหนัง Disaster/Action/Horror ที่ชอบจังหวะเร็ว เล่าเรื่องไม่ซับซ้อน เสียงซ่าสนุก “Project Silence” คือหนังที่ดูเพลิน เหมาะสำหรับพบประสบการณ์เร่งอารมณ์บนจอ แต่หากคุณคาดหวังงานสะท้อนลึกหรือพล็อตเฉียบขาด หนังเรื่องนี้อาจทำให้รู้สึกยังไม่ถึง ต้องการอะไรที่ “เกินกว่าแค่หนังสไตล์คลาสสิค”
Project Silence คือภาพยนตร์ที่เข้าใจหัวใจของหนังเอาชีวิตรอด และใช้สถานที่จำกัดอย่าง “สะพานในหมอก” ถ่ายทอดความกลัว ความกดดัน และความเงียบที่ทำลายทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันไม่ได้หวือหวาเกินจริง แต่ก็พอมีเนื้อให้เคี้ยว โดยเฉพาะประเด็นมนุษยธรรมที่ซ่อนอยู่ในตัวละครที่ดูธรรมดา