รีวิววาไรตี้เกาหลี The Devil’s Plan: Death Room (2025) กลเกมอัจฉริยะที่เดิมพันด้วยชีวิตในห้องแห่งปีศาจ!

รีวิววาไรตี้เกาหลี The Devil’s Plan: Death Room (2025) กลเกมอัจฉริยะที่เดิมพันด้วยชีวิตในห้องแห่งปีศาจ!

ข้อมูลวาไรตี้

  • ชื่อซีรีส์-วาไรตี้: The Devil’s Plan Season 2 (เดอะเดวิลส์แพลน ซีซั่น 2)
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: เรียลลิตี้โชว์, เกมโชว์, จิตวิทยา, กลยุทธ์
  • ผู้กำกับ: จอง จงยอน (Jung Jong-yeon)
  • ความยาว: 12 ตอน ตอนละประมาณ 60–70 นาที
  • วันเข้าฉาย: 6 พฤษภาคม 2025 (Netflix)
  • คะแนน IMDb: 8.3/10

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ

The Devil’s Plan ซีซั่น 2 หรือ Death Room กลับมาเขย่าขวัญคนดูอีกครั้งด้วยรูปแบบเกมที่ดุเดือดและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม! ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 14 คนต้องมาพิสูจน์ความฉลาด วางแผน และเอาตัวรอดจากกฎใหม่ที่โหดขึ้นหลายเท่าตัว หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ “Death Room” — ห้องพิเศษที่ผู้เข้าแข่งขันที่มีชิ้นส่วนสะสม (Piece) น้อยที่สุดจะต้องเข้าไปเสี่ยงเผชิญกับความท้าทายที่อาจจบเส้นทางของตนทันที

นอกจากนี้ ซีซั่นนี้ยังเพิ่มระบบเศรษฐกิจภายในเกม ผู้เล่นสามารถใช้ชิ้นส่วนที่สะสมไว้แลกกับไอเท็มลับ พักผ่อนในห้องส่วนตัว หรือซื้อตั๋วเข้าแข่งขันบางภารกิจพิเศษ กลยุทธ์ทางจิตวิทยาและการเจรจาต่อรองกลายเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ความรู้ด้านคณิตศาสตร์และตรรกะ

ผู้เข้าร่วมแข่งขัน

  • อี เซดล – อดีตนักเล่นโกะมืออาชีพ

  • จัสติน เอช. มิน – นักแสดง

  • คยูฮยอน – นักร้อง

  • ยุน โซฮี – วิศวกรเคมีจาก KAIST

  • คัง จียอง – ผู้ประกาศข่าว

  • และผู้เข้าแข่งขันอีก 9 คนจากหลายวงการ เช่น แพทย์ ทนาย นักวิทยาศาสตร์ นักเล่นโป๊กเกอร์ และยูทูบเบอร์เกมกระดาน

รีวิววาไรตี้เกาหลี The Devil’s Plan: Death Room (2025) กลเกมอัจฉริยะที่เดิมพันด้วยชีวิตในห้องแห่งปีศาจ!
รีวิววาไรตี้เกาหลี The Devil’s Plan: Death Room (2025) กลเกมอัจฉริยะที่เดิมพันด้วยชีวิตในห้องแห่งปีศาจ!

รีวิววาไรตี้เกาหลี The Devil’s Plan: Death Room (2025) กลเกมอัจฉริยะที่เดิมพันด้วยชีวิตในห้องแห่งปีศาจ!

การออกแบบเกมที่ฉลาดและซับซ้อนกว่าเดิม

ซีซั่น 2 ยกระดับจากภาคแรกอย่างชัดเจน เกมที่ออกแบบมาในปีนี้ไม่ได้วัดแค่ไหวพริบหรือความรู้เหมือนซีซั่นก่อนเท่านั้น แต่เน้นหนักไปที่ “การเอาตัวรอดทางจิตวิทยา” ผู้เข้าแข่งขันต้องคิดให้ลึกถึงผลกระทบของทุกการตัดสินใจ เพราะแค่สะสมชิ้นส่วนน้อยกว่าเพื่อนคนอื่น ก็อาจถูกส่งเข้าสู่ “Death Room” ทันที และไม่ใช่ทุกคนที่จะออกมาได้

ความเข้มข้นในการแข่งขันและปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น

หนึ่งในไฮไลต์ของซีซั่นนี้คือความหลากหลายของผู้เข้าแข่งขันที่สร้างไดนามิกในเกมได้อย่างน่าสนใจ เช่น ความสัมพันธ์เชิงพันธมิตรระหว่างสายบันเทิงกับนักวิทยาศาสตร์, การวางแผนเล่นงานคู่แข่งผ่านการเจรจาลับ, หรือแม้แต่การ “บลัฟ” กันกลางเกมเพื่อหว่านล้อมให้คนอื่นตกหลุมพราง

พัฒนาการของผู้เข้าแข่งขันยังน่าชื่นชม หลายคนเริ่มจากดูเหมือนไม่มีพิษสง แต่กลับกลายเป็นหมากสำคัญที่มีบทบาทในการเปลี่ยนเกมในครึ่งหลังของซีซั่น เป็นการสะท้อนแนวคิดของซีรีส์ได้ดีว่า “ปีศาจในเกมอาจไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดเสมอไป แต่อาจเป็นคนที่อ่านใจคนเก่งที่สุด”

โปรดักชันและบรรยากาศ “ห้องปีศาจ” ที่ทำได้ทรงพลัง

ฉากของ Death Room ถูกออกแบบมาอย่างน่าจดจำ — มืดลึก แคบ อึดอัด และชวนขนลุก เสียงประกอบ การตัดต่อ การใช้แสงและเงา เสริมให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนตัวเองก็ติดอยู่ในเกมนั้นจริง ๆ อีกทั้งเพลงประกอบและเสียงประกาศของระบบก็สร้างความกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม

การวิพากษ์ “ธรรมชาติของมนุษย์”

เช่นเดียวกับซีซั่นแรก รายการยังไม่ลืมที่จะขยี้ธีมหลัก นั่นคือการสะท้อนสัญชาตญาณของมนุษย์เมื่ออยู่ในสถานการณ์ “เกมที่เดิมพันด้วยชีวิต” เราจะเห็นทั้งการทรยศหักหลัง, ความเมตตาที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ, การเสียสละอย่างไร้เหตุผล และความเห็นแก่ตัวแบบบริสุทธิ์ — ทุกอย่างถูกร้อยเรียงเป็นเรื่องราวที่ทั้งลุ้นระทึกและชวนให้ตั้งคำถามกับความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง

บททิ้งท้าย

The Devil’s Plan: Death Room คือซีซั่นที่เติบโตขึ้นอย่างแท้จริงในด้านการออกแบบเกม การสร้างความรู้สึกกดดัน และการเล่าเรื่องที่มีมิติ ผู้เข้าแข่งขันมีเสน่ห์ กลยุทธ์มีชั้นเชิง และการหักมุมก็ทำให้แทบเดาอะไรไม่ถูกเลย เป็นเรียลลิตี้โชว์ที่ไม่เพียงแค่สนุก แต่ยัง “ฉลาด” และ “โหด” จนทำให้เราไม่สามารถละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว

หากคุณเป็นแฟนรายการแข่งขันแนวจิตวิทยา-กลยุทธ์ หรือเคยชอบ The Genius, Squid Game: The Challenge หรือแม้แต่ Liar Game นี่คือซีซั่นที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

ลลิน อัครเศรษฐ์

ลลิน อัครเศรษฐ์

ผู้เขียน

Scroll to Top