รีวิวสารคดี A Deadly American Marriage (2025) เมื่อชีวิตคู่กลายเป็นหลักฐานฆาตกรรมจากเรื่องจริงสุดสะเทือนใจ

รีวิวสารคดี A Deadly American Marriage (2025) เมื่อชีวิตคู่กลายเป็นหลักฐานฆาตกรรมจากเรื่องจริงสุดสะเทือนใจ

ข้อมูลสารคดี

  • ชื่อสารคดี: A Deadly American Marriage (ชีวิตคู่ถึงฆาต)
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: สารคดี / อาชญากรรม / ดราม่า
  • ผู้กำกับ: เจสสิกา เบอร์เจส (Jessica Burgess), เจนนี พ็อปเปิลเวลล์ (Jenny Popplewell)
  • ความยาว: 102 นาที
    วันเข้าฉาย: 9 พฤษภาคม 2025 (Netflix)
  • คะแนน IMDb: 6.7/10

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ

A Deadly American Marriage คือสารคดีที่ถ่ายทอดคดีฆาตกรรมสุดสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจริงในปี 2015 ณ นอร์ธแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ เจสัน คอร์เบตต์ ชายชาวไอริชผู้เป็นสามี ถูกพบว่าเสียชีวิตจากการถูกทุบด้วยอิฐและไม้เบสบอลโดยผู้ต้องหาคือภรรยาของเขา มอลลี มาร์เทนส์ และพ่อของเธอ โธมัส มาร์เทนส์ อดีตเจ้าหน้าที่ FBI ทั้งคู่ให้การว่ากระทำไปเพราะต้องป้องกันตัวจากการถูกเจสันทำร้าย แต่เมื่อคำให้การสวนทางกับหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทั้งหมดจึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองไปทั่วโลก

สารคดีนี้ไม่เพียงแต่เล่าเหตุการณ์จากฝั่งของครอบครัวผู้เสียชีวิต หากแต่ยังเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายจำเลยได้เล่ามุมของตน สร้างการรับชมที่ตึงเครียดตลอดทั้งเรื่อง

คำเตือนก่อนรับชม:

  • สารคดีนี้มีภาพของศพจริง และคำอธิบายเชิงนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด

  • มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัว, การเลี้ยงดูลูก, และการเสียชีวิตของบุคคลจริง

  • ไม่เหมาะสำหรับผู้มีประวัติ PTSD หรือไวต่อประเด็น Domestic Violence

ผู้เกี่ยวข้อง

  • เจสัน คอร์เบตต์ – ผู้เสียชีวิต

  • มอลลี มาร์เทนส์ – ภรรยาและผู้ต้องหา

  • โธมัส มาร์เทนส์ – พ่อของมอลลีและผู้ต้องหา

  • แจ็ค และ ซาราห์ คอร์เบตต์ – ลูกของเจสัน

  • เทรซีย์ คอร์เบตต์-ลินช์ – พี่สาวของเจสัน

  • เดวิด ลินช์ – สามีของเทรซีย์

รีวิวต่อไปนี้มีสปอย

รีวิวสารคดี A Deadly American Marriage (2025) เมื่อชีวิตคู่กลายเป็นหลักฐานฆาตกรรมจากเรื่องจริงสุดสะเทือนใจ

รีวิวสารคดี A Deadly American Marriage (2025) เมื่อชีวิตคู่กลายเป็นหลักฐานฆาตกรรมจากเรื่องจริงสุดสะเทือนใจ

1. พื้นหลังของเหตุการณ์

  • เจสัน คอร์เบตต์ แต่งงานกับมอลลีและย้ายจากไอร์แลนด์มาสหรัฐฯ พร้อมลูกสองคนจากภรรยาเก่า

  • ความสัมพันธ์ระหว่างเจสันและมอลลีเริ่มมีปัญหา โดยเฉพาะในประเด็นการเลี้ยงดูลูก

  • คืนนั้น โธมัส มาร์เทนส์ พ่อของมอลลี เข้ามาแทรกแซงและเกิดเหตุทะเลาะ ก่อนเจสันเสียชีวิตในห้องนอน

  • คำให้การระบุว่า เจสันใช้ความรุนแรง แต่นิติวิทยาศาสตร์เผยการทุบซ้ำหลายจุด รวมกว่า 12 ครั้ง

2. จุดแข็งของสารคดี

  • การเล่าเรื่องสองมุมมอง: ทีมผู้สร้างให้พื้นที่ทั้งฝ่ายครอบครัวผู้เสียชีวิต และฝ่ายผู้ต้องหาอย่างเท่าเทียม

  • การเปิดเผยหลักฐานจริง: รวมถึงภาพจากที่เกิดเหตุ, รายงานทางนิติวิทยาศาสตร์, และคำให้การของเด็ก

  • การวิเคราะห์เชิงจิตวิทยา: ถ่ายทอดผลกระทบทางอารมณ์ต่อเด็ก, พี่สาวผู้เสียชีวิต และความเงียบของระบบยุติธรรม

  • ความต่อเนื่องของคดี: สารคดีสรุปตั้งแต่การจับกุม ไปจนถึงคำตัดสินลงโทษที่ถูกยกเลิก และการเตรียมการไต่สวนใหม่

3. ผู้เกี่ยวข้องพูดอะไรบ้าง

  • ลูกสองคนของเจสัน: ให้การว่าไม่เคยเห็นพ่อใช้ความรุนแรงกับมอลลี และในคืนเกิดเหตุไม่มีเสียงทะเลาะ

  • มอลลีและโธมัส: ยืนยันว่าเจสันมีพฤติกรรมคุกคาม และพวกเขาทำไปเพื่อช่วยเหลือลูกสาว

  • เทรซีย์ (พี่สาวเจสัน): ยืนหยัดเรียกร้องความยุติธรรมและพยายามดูแลหลานทั้งสอง หลังสูญเสียน้องชาย

4. จากคดีสู่ข้อถกเถียง

  • คดีนี้ถูกตั้งคำถามในวงกว้างว่าเป็น “การใช้คำว่า Self-Defense แบบเกินขอบเขต”

  • สารคดีเผยให้เห็นช่องว่างในระบบกฎหมายอเมริกัน เมื่อผู้มีอำนาจหรือภูมิหลังอย่างเจ้าหน้าที่รัฐอาจมีแต้มต่อในคดี

  • ยังสะท้อนว่าแม้คดีจะถูกตัดสินไปแล้ว แต่คำว่า “ความยุติธรรม” ยังอาจเป็นแค่การตีความ

บททิ้งท้าย

A Deadly American Marriage ไม่ใช่แค่สารคดีอาชญากรรมทั่วไป แต่คือกระจกสะท้อนความซับซ้อนของชีวิตคู่ ความเป็นพ่อแม่ และอิทธิพลของระบบยุติธรรมต่อผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิต ด้วยการเรียบเรียงเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมาและหนักแน่น ทีมผู้สร้างทำให้สารคดีนี้เป็นมากกว่าคดีฆาตกรรม — มันคือเรื่องของ “ความจริง” ที่หลายฝ่ายแย่งกันเป็นเจ้าของ

ลลิน อัครเศรษฐ์

ลลิน อัครเศรษฐ์

ผู้เขียน

Scroll to Top