
ข้อมูลหนัง
- ชื่อหนัง: Woman of the Hour
- ปีที่ฉาย: 2023
- หมวดหมู่: ชีวประวัติ / อาชญากรรม / ดราม่า / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: แอนนา เคนดริก (Anna Kendrick)
- ความยาว: 94 นาที
- วันเข้าฉาย: 8 กันยายน 2023 (เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต), เตรียมสตรีมมิ่งบน Netflix: 18 ตุลาคม 2024
- คะแนน IMDb: 6.6 / 10
นักแสดงและบทบาท
แอนนา เคนดริก (Anna Kendrick) รับบท เชอรีล แบรดชอว์ (Cheryl Bradshaw)
แดเนียล โซวัตโต (Daniel Zovatto) รับบท ร็อดนีย์ อัลคาลา (Rodney Alcala)
โทนี เฮล (Tony Hale) รับบท เอ็ด เบิร์ก
นิโคเล็ตต์ โรบินสัน (Nicolette Robinson) รับบท ลอร่า
เคลลี่ เจค็อบส์ (Kelley Jakle) รับบท แดนนี่
จอน ลี (Jon Lee) รับบท โปรดิวเซอร์รายการ
อิซาเบลลา ฟิชเชอร์ (Isabella Fisher) รับบท หญิงสาวนิรนาม
ตัวอย่างหนัง
เรื่องย่อ
ในยุคที่รายการโทรทัศน์คือความฝันของผู้หญิงอเมริกันที่อยากโด่งดัง “The Dating Game” คือหนึ่งในรายการยอดนิยมที่ออกอากาศทั่วประเทศ โดยมีหญิงสาวมานั่งเลือกคู่เดตจากผู้ชาย 3 คน โดยไม่เห็นหน้าจนจบรายการ
ในปี 1978 เชอรีล แบรดชอว์ นักแสดงสาวหน้าใหม่ ผู้มีความฝันอยากแจ้งเกิดในฮอลลีวูด ตัดสินใจเข้าร่วมรายการนี้ ด้วยความหวังว่าการออกรายการโทรทัศน์จะเป็นใบเบิกทางสู่เส้นทางอาชีพ แต่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่า “ชายหมายเลข 3” ที่เธอเลือกในวันนั้นคือ ร็อดนีย์ อัลคาลา ชายหนุ่มหน้าตาดี พูดจาเสนาะหู แต่ซ่อนความมืดมิดไว้ภายใน
อัลคาลาในขณะนั้นคือฆาตกรต่อเนื่องที่อยู่ระหว่างการไล่ล่าเหยื่อ — เขาฆ่าผู้หญิงหลายคนในช่วงปี 1970s และต่อเนื่องถึง 1980 โดยมีคดีที่ได้รับการยืนยันถึง 5 คดี และต้องสงสัยอีกหลายสิบราย
เมื่อเชอรีลเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวชายที่เธอออกเดตด้วย เธอเลือกจะฟังเสียงสัญชาตญาณของตัวเองและตัดความสัมพันธ์ แต่เธอไม่เคยลืมความจริงอันน่าสะพรึงว่า เธอเคยเดินเข้าไปใกล้ความตายมากแค่ไหน — ด้วยรอยยิ้มจากกล้องสตูดิโอ
รีวิวหนัง Woman of the Hour (2023) เมื่อฆาตกรต่อเนื่องกลายเป็นหนุ่มในฝันบนจอทีวี

Woman of the Hour ไม่ใช่แค่หนังที่สร้างจากคดีฆาตกรรมจริง แต่เป็นการหยิบเอา “เบื้องหลังสังคมอเมริกัน” ในยุคที่ภาพลักษณ์มีค่ายิ่งกว่าความจริงมาขยี้ให้เจ็บจริง
นี่คือผลงานกำกับเรื่องแรกของ แอนนา เคนดริก ที่ไม่เล่นง่าย ไม่ฉาบฉวย แต่ล้วงลึกประเด็นสังคมอเมริกันในยุค 70 อย่างถึงแก่น ทั้งการล่วงละเมิดทางเพศ ความไม่ปลอดภัยของผู้หญิงในสาธารณะ การเพิกเฉยของสื่อ และการที่ระบบยุติธรรมปล่อยให้คนที่มีประวัติก่ออาชญากรรมเข้าถึงผู้บริสุทธิ์ได้อย่างง่ายดาย
เธอไม่ได้ใช้การเล่าเรื่องแบบเร้าอารมณ์ หากแต่สร้างความตึงเครียดด้วย “ความเงียบ” การเว้นจังหวะ และภาพย้อนยุคที่เหมือนจะดูไร้เดียงสาแต่กลับเต็มไปด้วยพิษร้าย
การแสดงของ แดเนียล โซวัตโต ในบทฆาตกรอัลคาลา เรียกได้ว่าเยือกเย็นและน่ากลัวอย่างมีชั้นเชิง เขาทำให้เราเข้าใจว่า ฆาตกรบางคนไม่ใช่สัตว์ร้ายในความมืด แต่คือคนธรรมดาที่มีรอยยิ้มดีๆ และใช้วาทศิลป์เป็นอาวุธ
ขณะเดียวกัน เคนดริก ในบทของเชอรีลคือจุดสมดุลระหว่างความเปราะบางของผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ กับความเข้มแข็งของหญิงสาวที่กล้าเชื่อในเซนส์ของตัวเอง
ประเด็นทางสังคมที่หนังสะท้อนอย่างชัดเจน
สังคมที่เชื่อภาพมากกว่าเนื้อแท้: เรามักตัดสินคนจากรูปลักษณ์หรือบุคลิก ไม่ใช่จากความจริง
เสียงของผู้หญิงที่ถูกมองข้าม: แม้เชอรีลจะพยายามเตือนทีมงานว่าเธอรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่กลับถูกมองว่า “คิดมากไป”
ช่องโหว่ของสื่อมวลชน: รายการโทรทัศน์ซึ่งควรจะปลอดภัย กลับกลายเป็นเวทีให้ฆาตกรออกทีวีได้อย่างสบายใจ
เหตุผลที่คุณควรดู Woman of the Hour (2023) รู้ไหมใครโหด
ถ้าคุณชอบหนังอาชญากรรมที่ “ขยี้ใจ” มากกว่าการขยี้เลือด
ถ้าคุณสนใจการวิพากษ์วัฒนธรรมอเมริกันยุค 70 ที่เต็มไปด้วยมายา
ถ้าคุณอยากเห็นฝีมือการกำกับของนักแสดงหญิงที่พิสูจน์ตัวเองว่า “เกินกรอบคอมเมดี้”
บทสรุป
Woman of the Hour ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ผู้หญิง” แต่คือภาพจำลองของโลกที่มองข้ามเสียงของเธอ — จนกระทั่งเกือบสายไป มันคือหนังที่เตือนเราว่า ใต้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และแสงไฟในสตูดิโอ อาจมีเงามืดที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด