
ข้อมูลหนัง
ชื่อภาษาอังกฤษ: Cruella
ชื่อภาษาไทย: ครูเอลล่า
ประเภท: คอมเมดี้ / อาชญากรรม / ดราม่า
ผู้กำกับ: Craig Gillespie
บทภาพยนตร์: Dana Fox, Tony McNamara
เข้าฉาย: 28 พฤษภาคม 2021 (ทั้งโรงภาพยนตร์และ Disney+ Premier Access)
ความยาว: 134 นาที
คะแนน IMDb: 7.3/10
คะแนน Rotten Tomatoes: 75% (Certified Fresh)
นักแสดง
Emma Stone รับบท Estella / Cruella de Vil
Emma Thompson รับบท The Baroness
Joel Fry รับบท Jasper
Paul Walter Hauser รับบท Horace
Emily Beecham รับบท Catherine
Mark Strong รับบท John the Valet
ตัวอย่างหนัง
เรื่องย่อ
Estella Miller คือเด็กสาวที่มีความคิดสร้างสรรค์และพรสวรรค์ด้านแฟชั่นตั้งแต่เด็ก แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังจากสูญเสียแม่จากเหตุการณ์ลึกลับ เธอกลายเป็นเด็กข้างถนนที่ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนคู่หูนักต้มตุ๋น — Jasper และ Horace
ในขณะที่พวกเขาร่วมกันเอาชีวิตรอดในลอนดอนยุค 70s Estella ก็ยังคงฝันถึงการเป็นดีไซเนอร์ที่ยิ่งใหญ่ กระทั่งได้ทำงานภายใต้ “The Baroness” แม่เลี้ยงทางจิตวิญญาณ ผู้ซึ่งทั้งเป็นแรงบันดาลใจและเป็นตัวแทนของระบบชนชั้นในโลกแฟชั่นที่โหดร้าย
แต่เมื่อความจริงจากอดีตเริ่มเผยออกมา Estella ตัดสินใจหันหลังให้กับชื่อของตัวเอง และกลายเป็น “Cruella” — ตัวตนใหม่ที่ไม่เกรงกลัวใคร และพร้อมฉีกกฎทุกอย่างด้วยแรงขับแห่งการล้างแค้น ความแสบ และแฟชั่นที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน

รีวิวหนัง Cruella (2021) ต้นกำเนิดของตัวร้ายที่คุณเกลียดไม่ลง!
1. การแสดง: พลังหญิงแบบสองขั้วของ Emma
Emma Stone ในบท Cruella คือเพชรเม็ดงามแห่งฮอลลีวูดที่เฉิดฉายทุกเฟรม เธอสามารถดึงความขัดแย้งภายในของ Estella และความคลั่งแบบมีเสน่ห์ของ Cruella ออกมาได้อย่างทรงพลัง ทั้งหยิ่ง ทะเยอทะยาน และเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
Emma Thompson รับบท The Baroness ได้อย่างเป๊ะทุกอณู เธอคือแม่เสือร้ายแห่งวงการแฟชั่นที่ทั้งน่าเกรงขามและเกลียดไม่ลง
การประชันบทของสอง Emma คือหัวใจของหนังที่ทำให้เรื่องนี้ “ไม่ใช่หนังดิสนีย์ธรรมดา”
2. แฟชั่นคืออาวุธ: Cruella คือรันเวย์กลางความแค้น
ผู้ชมหลายคนจำ Cruella ได้จากเสื้อโค้ทขนสัตว์ แต่ในภาคนี้ เธอคือนิยามของ iconic fashion rebellion ทุกชุดที่ปรากฏในหนังได้รับการออกแบบโดย Jenny Beavan เจ้าของรางวัลออสการ์ ที่ใช้แรงบันดาลใจจากยุคพังก์ร็อก ปารีส และ Alexander McQueen สร้างภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่ไม่ต้องง้อความเรียบร้อย
ชุด “ขยะกลายเป็นงานศิลป์”, ชุดปีกค้างคาว, และฉากโชว์ชุดแสนดราม่ากลางงานพรมแดง ล้วนกลายเป็นซีนในตำนานทันทีที่หนังออกฉาย
3. ดนตรีประกอบ: พังก์ร็อกคือจังหวะหัวใจของหนัง
เพลงของ The Rolling Stones, Queen, David Bowie และ Blondie ช่วยสร้างมู้ดของหนังให้มีพลัง มีความเป็นลอนดอนยุค 70s แบบดิบ ๆ แต่ยังชิคแบบบ้าคลั่ง ดนตรีจึงไม่ใช่แค่ประกอบฉาก — แต่มันเป็น “เสียงของ Cruella” ที่พุ่งทะยานในใจคนดู
4. แก่นเรื่องลึกกว่าที่คิด
Cruella ไม่ใช่แค่หนัง “สร้างตัวร้ายให้มีสไตล์” แต่มันยังพูดถึงการต่อต้านชนชั้นในอุตสาหกรรมแฟชั่น การนิยามตัวเองใหม่ การยอมรับตัวตนที่สังคมไม่ต้องการ และการต่อสู้ของ “เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยได้รับโอกาสจะเป็นคนธรรมดา”
5. ข้อสังเกตบางประการ
หนังอาจจะยาวเกินไปสำหรับบางคน โดยเฉพาะในช่วงกลางเรื่องที่เนื้อหาดูวนอยู่กับการปะทะเล็กน้อย
การเล่าเรื่องบางจุดอาจต้อง suspend disbelief (เพราะบางสิ่งดูเกินจริง แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของโทนเรื่องแฟชั่นดาร์กแฟนตาซี)
6. บทวิจารณ์
Cruella ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ในด้านการแสดงของนักแสดงนำ การออกแบบเครื่องแต่งกาย และการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมีความยาวเกินไปเล็กน้อย และบางส่วนของเรื่องราวอาจดูไม่สมเหตุสมผล
บทสรุป
“นี่ไม่ใช่แค่การเกิดของ Cruella… แต่มันคือการประกาศศักดาของผู้หญิงที่โลกไม่เคยยอมรับ”
Cruella คือการแสดงพลังของตัวละครหญิงที่กล้าฉีกกฎ นิยามแฟชั่นใหม่ และทวงคืนพื้นที่ของคนที่เคยถูกทำให้ไร้ตัวตน ด้วยบทที่แข็งแรง งานภาพที่จัดจ้าน และการแสดงที่เหนือระดับ โดยรวมแล้ว Cruella ไม่ใช่หนังดิสนีย์ที่คุณเคยรู้จัก แต่มันคือจุดเริ่มต้นของไอคอนแฟชั่นผู้ต่อต้านระบบ ด้วยความคลั่ง ร้าย และ… งดงามที่สุด