
ข้อมูลภาพยนตร์
ชื่อเรื่อง: Bogotá: City of the Lost โบโกตา เมืองคนหลง
ปีที่ฉาย: 2024
ประเทศที่ผลิต: เกาหลีใต้
ภาษาหลัก: เกาหลี, สเปน
ประเภท: อาชญากรรม, ดราม่า, ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: คิม ซองเจ (Seong-je Kim)
ผู้เขียนบท: คิม ซองเจ
นักแสดงหลัก:
- ซง จุงกิ รับบท กุกฮี
- อี ฮีจุน รับบท ซูยอง
- ควอน แฮฮโย รับบท พัค จางซู
ช่องทางการฉาย: โรงภาพยนตร์ในเกาหลีใต้ และสตรีมมิ่ง Netflix
คะแนน IMDb: 5.6/10
เรื่องย่อ
หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียในปี 1997 กุกฮี (ซง จุงกิ) และครอบครัวของเขาถูกผลักไสให้ต้องย้ายไปยัง โบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะผู้อพยพ อย่างไรก็ตาม เมืองนี้ ไม่ใช่สวรรค์ของโอกาส แต่เป็นสถานที่ที่มีกฎเกณฑ์ของตัวเอง
กุกฮีเริ่มต้นจากการเป็นลูกจ้างธรรมดาในตลาดมืด ก่อนที่จะค่อย ๆ ปีนขึ้นสู่อำนาจในวงการธุรกิจผิดกฎหมายของโบโกตา ภายใต้การดูแลของ พัค จางซู (ควอน แฮฮโย) ผู้นำชุมชนเกาหลีในท้องถิ่น ซึ่งมีเบื้องหลังที่คลุมเครือ
ในขณะที่กุกฮีกำลังไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาต้องเลือกระหว่างความอยู่รอด กับการรักษาสิ่งที่ยังเหลืออยู่ของความเป็นมนุษย์
ตัวอย่างหนัง Bogota City of the Lost โบโกตา เมืองคนหลง

รีวิวหนัง Bogota City of the Lost โบโกตา เมืองคนหลง
Bogotá: City of the Lost ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์อาชญากรรมที่มีฉากแอ็กชันเร้าใจ แต่มันคือ เรื่องราวของความสิ้นหวังและการดิ้นรนเอาตัวรอด ของคนที่ถูกบีบให้เข้าสู่โลกใต้ดิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการมันก็ตาม
- บรรยากาศที่กดดัน และโบโกตาในฐานะ “ตัวละครหนึ่งของเรื่อง” หนังเรื่องนี้สร้าง บรรยากาศอันหนักหน่วง ด้วยการถ่ายทอด เมืองโบโกตาในฐานะเมืองไร้ขื่อแป เต็มไปด้วยคอร์รัปชัน แก๊งอาชญากรรม และการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ภาพยนตร์เลือกใช้สีหม่นและมุมกล้องที่อึดอัดเพื่อสะท้อนถึง ความโดดเดี่ยวของตัวละครในดินแดนที่พวกเขาไม่มีที่ยืน
- ซง จุงกิ กับบทบาทที่ท้าทายที่สุดของเขา ซง จุงกิ เป็นที่รู้จักจากบทบาทใน Vincenzo (2021) และ Descendants of the Sun (2016) แต่ใน Bogotá เขาแตกต่างจากทุกครั้ง ไม่มีความเท่แบบมาเฟียอิตาลี หรือ ความโรแมนติกแบบนายทหาร ที่นี่เขาคือ ชายที่ถูกบีบบังคับให้เดินไปสู่เส้นทางที่อันตราย ด้วยการแสดงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและการดิ้นรน
- ความสมจริงของโลกอาชญากรรม และความกดดันทางสังคม หนังไม่ได้โรแมนติไซส์อาชญากรรมเหมือนหนังมาเฟียหลายเรื่อง แต่มันเน้น ให้เห็นถึงความโหดร้ายของการต้องอยู่ในโลกที่ไม่อาจปฏิเสธ กุกฮีไม่ได้อยากเป็นอาชญากร แต่ในเมืองที่ คนอพยพไม่มีโอกาส และ คนที่อ่อนแอถูกกลืนกิน ทางเลือกเดียวของเขาคือการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด
วิเคราะห์เสียงสะท้อนจากหนังสู่สังคมของ โบโกตา เมืองคนหลง
1. เมืองที่ไม่มี "บ้าน" และชะตากรรมของผู้อพยพ
โบโกตาไม่ใช่บ้านของกุกฮี และเกาหลีก็ไม่ใช่บ้านของเขาอีกต่อไป นี่คือธีมที่โดดเด่นของภาพยนตร์ เมื่อผู้อพยพต้องดิ้นรนหาตำแหน่งของตัวเองในสังคมใหม่ แต่สิ่งที่พวกเขาพบกลับเป็นระบบที่ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขา
หนังสะท้อนปัญหาทางสังคมที่แท้จริง
- คนอพยพต้องทำงานหนักกว่าคนท้องถิ่น เพื่อแค่จะได้ยืนอยู่ในจุดที่คนอื่นมีโดยกำเนิด
- หากพวกเขาไม่สามารถสร้างอนาคตที่ดีได้ พวกเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้ดิน
2. เงินและอำนาจเปลี่ยนคนได้จริงหรือ?
เมื่อกุกฮีค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกอาชญากรรม เขาเริ่มมีเงิน มีอำนาจ และได้รับการยอมรับ แต่คำถามคือ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็น “ผู้ชนะ” จริงหรือ?
- เขาแลกความเป็นมนุษย์ของตัวเองไปกับอะไร?
- สุดท้ายแล้ว เงินสามารถซื้อสถานะในสังคมได้จริงหรือ? หรือเพียงแค่เป็นกลไกที่ทำให้เขายิ่งจมลึกลงไปในโลกใต้ดิน?
หนังไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัด แต่มันทิ้งคำถามให้ผู้ชมคิดตาม
บทสรุป – Bogotá: City of the Lost คือหนังที่เล่นกับความดิบเถื่อนของชีวิต
“Bogotá: City of the Lost” ไม่ใช่หนังแอ็กชันสไตล์ฮอลลีวูด ไม่มีฉากไล่ล่าหรือการยิงกันแบบสโลว์โมชั่น แต่มันคือการถ่ายทอดความจริงอันโหดร้ายของโลกที่เราอยู่
- เมืองโบโกตา คือเขาวงกตของผู้ที่ไม่มีที่ไป
- กุกฮี คือตัวแทนของทุกคนที่ถูกบังคับให้เข้าสู่เส้นทางที่เขาไม่ต้องการ
- อาชญากรรมไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่มันเป็น “ทางรอด” ในโลกที่ไม่มีที่ให้ยืน
ถ้าคุณชอบหนังแนวอาชญากรรมที่สมจริง หนักหน่วง และสะท้อนปัญหาสังคม Bogotá: City of the Lost คือหนังที่คุณไม่ควรพลาด