
ข้อมูลภาพยนตร์
- ชื่อหนัง: The Call (สายตรงต่ออดีต)
- ปีที่ฉาย: 2020
- หมวดหมู่: ระทึกขวัญ, ไซไฟ
- ผู้กำกับ: อี ชุงฮยอน
- ความยาว: 112 นาที
- วันเข้าฉาย: 27 พฤศจิกายน 2020 (Netflix)
- คะแนน IMDb: 7.1/10
นักแสดง
- พัค ชินฮเย รับบท คิม ซอยอน
- จอน จงซอ รับบท โอ ยองซุก
- คิม ซองรยอง รับบท แม่ของซอยอน
- อี เอล รับบท แม่ของยองซุก
ตัวอย่าง The Call สายตรงต่ออดีต
เรื่องย่อ The Call สายตรงต่ออดีต
เรื่องราวของ คิม ซอยอน (พัค ชินฮเย) หญิงสาวที่เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมแม่ที่ป่วย ระหว่างที่เธออยู่ในบ้านเก่า เธอได้รับโทรศัพท์จากหญิงลึกลับชื่อ โอ ยองซุก (จอน จงซอ) ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแต่เมื่อ 20 ปีก่อน
ในตอนแรกทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกัน และซอยอนพบว่ายองซุกสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้จริง เธอจึงขอให้ยองซุกช่วยแก้ไขอดีตเพื่อให้พ่อของเธอรอดชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่สิ่งที่ซอยอนไม่รู้ก็คือ ยองซุกมีอดีตที่ดำมืดและอันตราย
เมื่อยองซุกค้นพบพลังของการเปลี่ยนแปลงอดีต เธอเริ่มใช้มันเพื่อ พลิกชะตาชีวิตตัวเอง และเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ต่าง ๆ จนส่งผลให้ปัจจุบันของซอยอนกลายเป็น ฝันร้าย ที่เธอไม่อาจหนีไปได้

รีวิว The Call สายตรงต่ออดีต
1. การแสดงและบทบาท
- พัค ชินฮเย (คิม ซอยอน) – หญิงสาวที่ติดอยู่ในเกมแห่งโชคชะตา พัค ชินฮเย ถ่ายทอดบทบาทของซอยอนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จากหญิงสาวธรรมดาที่ต้องเผชิญกับความจริงอันน่าสะพรึงกลัว เธอสามารถสื่อสารความกลัว ความสับสนได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะในช่วงท้ายของเรื่องที่เธอถูกไล่ล่าอย่างไร้ทางหนี
- จอน จงซอ (โอ ยองซุก) – จากเพื่อนกลายเป็นฝันร้าย จอน จงซอ ขโมยซีนไปได้อย่างเต็มที่กับบทของโอ ยองซุก เธอเริ่มต้นจากหญิงสาวที่ดูไร้เดียงสาและต้องการความช่วยเหลือ แต่ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็น อาชญากรโรคจิต ที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด คาแรกเตอร์ของยองซุกถือเป็นหนึ่งในตัวละครวายร้ายที่โดดเด่นในโลกภาพยนตร์เกาหลี ด้วยความเยือกเย็นและจิตวิปลาสที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
2. เนื้อเรื่อง
The Call เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่ผสมผสาน แนวไซไฟข้ามเวลา ได้อย่างลงตัว จุดเด่นของเรื่องอยู่ที่ ไอเดียการสื่อสารผ่านโทรศัพท์ระหว่างอดีตและปัจจุบัน ซึ่งถูกใช้เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินเรื่อง
จุดแข็งของภาพยนตร์คือ ความลุ้นระทึกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงแรก หนังดำเนินเรื่องแบบช้า ๆ เพื่อให้คนดูทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างซอยอนและยองซุก แต่เมื่อเหตุการณ์เริ่มพลิกผัน ความกดดันและความตื่นเต้นก็พุ่งขึ้นแบบ ฉับพลัน
จุดหักมุมหลายจุดในเรื่องถูกใส่มาอย่างชาญฉลาด ทำให้ผู้ชมต้อง เดาเนื้อเรื่องไปตลอด โดยเฉพาะตอนจบที่เต็มไปด้วยความหักมุมหลายชั้นและทิ้งคำถามให้ผู้ชมถกเถียงกันต่อ
3. ความสมจริงและบรรยากาศของภาพยนตร์
แม้ว่าหนังจะมีองค์ประกอบของ ไซไฟและการเปลี่ยนแปลงอดีต แต่ก็ยังรักษาความสมจริงในด้านจิตวิทยาและอารมณ์ของตัวละครได้ดี บรรยากาศของบ้านที่เต็มไปด้วย เงามืด เสียงโทรศัพท์ และเงียบสงัด ช่วยสร้างความระทึกขวัญแบบ กดดันและอึดอัด
ฉากไล่ล่าและฉากที่ตัวละครถูกควบคุมโดยอดีต ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่า ไม่มีที่ไหนปลอดภัย และสามารถเข้าใจความหวาดกลัวของตัวละครได้
4. กระแสตอบรับและคำวิจารณ์
The Call ได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงบวกจากผู้ชมและนักวิจารณ์
ข้อดีที่ได้รับคำชม ได้แก่
- การแสดงของจอน จงซอ – เธอถ่ายทอดบทวายร้ายออกมาได้อย่างน่าขนลุกและมีพลัง
- บทที่ซับซ้อนและหักมุมหลายชั้น – หนังทำให้ผู้ชมต้องคาดเดาไปจนถึงฉากสุดท้าย
- บรรยากาศและงานภาพที่สร้างความกดดัน – การใช้แสง เงา และเสียงโทรศัพท์ช่วยเพิ่มความระทึกขวัญ
- แนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอดีต – หนังใช้ไอเดียการสื่อสารข้ามเวลาผ่านโทรศัพท์ได้อย่างสร้างสรรค์
ข้อเสียที่ถูกวิจารณ์ เช่น
- บางฉากอาจซับซ้อนเกินไป – ผู้ชมบางกลุ่มรู้สึกว่าส่วนของการเปลี่ยนแปลงอดีต-ปัจจุบันทำให้เรื่องยากต่อการติดตาม
- จุดจบที่ทำให้เกิดคำถาม – ตอนจบของหนังทิ้งปริศนาไว้ ทำให้บางคนรู้สึกไม่พอใจ
The Call ได้รับคะแนน 7.1/10 จาก IMDb และ 90% บน Rotten Tomatoes โดยมีนักวิจารณ์หลายคนยกให้เป็น หนึ่งในหนังระทึกขวัญเกาหลีที่ดีที่สุดของปี 2020
สรุปการรีวิว
The Call เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานแนว ไซไฟ, ระทึกขวัญ และจิตวิทยา ได้อย่างลงตัว มันเต็มไปด้วยความกดดัน ฉากหักมุม และการแสดงที่ทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังแนว ลุ้นระทึก กดดัน และเล่นกับเส้นแบ่งระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
เหมาะกับ คนที่ชอบหนังระทึกขวัญแนวจิตวิทยา และผู้ที่ชื่นชอบหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา
ไม่เหมาะกับ คนที่ไม่ชอบเนื้อเรื่องซับซ้อน หรือชอบหนังที่มีตอนจบเคลียร์ชัดเจน
คุณคิดว่าถ้าสามารถเปลี่ยนอดีตได้จริง จะเกิดอะไรขึ้น? The Call จะให้คำตอบที่คุณคาดไม่ถึง!