
ข้อมูลหนัง
- ชื่อหนัง: Uprising
- ปีที่ฉาย: 2024
- หมวดหมู่: แอ็คชั่น, สงคราม, ดราม่าประวัติศาสตร์
- ผู้กำกับ: คิม ซัง-มัน (Midnight FM, The Spies)
- ความยาว: 126 นาที
- วันเข้าฉาย: 2 ตุลาคม 2024 (เทศกาลภาพยนตร์ปูซาน), 11 ตุลาคม 2024 (Netflix)
- คะแนน IMDb: 7.5/10
นักแสดง
- คัง ดง-วอน รับบท ชอน ยอง
- พัค จอง-มิน รับบท อี จอง-รยอ
- คิม ชิน-รก รับบท บอมดง
- จิน ซอน-คยู รับบท คิม จา-รยอง
- จอง ซอง-อิล รับบท เกนชิน
- ชา ซึง-วอน รับบท พระเจ้าเซโจ
ตัวอย่าง Uprising กบฏผงาดแผ่นดิน
เรื่องย่อ Uprising กบฏผงาดแผ่นดิน เมื่อมิตรภาพถูกทดสอบด้วยคมดาบและสายเลือด
“Uprising” เล่าเรื่องราวของ ชอน ยอง และ อี จอง-รยอ สองเด็กหนุ่มที่เติบโตมาด้วยกันท่ามกลางยุคสมัยที่โชซอนกำลังเผชิญกับการรุกรานของญี่ปุ่นในปี 1592 ชอน ยอง เป็นเพียงทาสที่เกิดมาไร้อิสรภาพ แต่มีฝีมือดาบที่เก่งกาจ ขณะที่อี จอง-รยอ เป็นบุตรชายของขุนนางที่มีสถานะสูงกว่า ทั้งสองผูกพันกันตั้งแต่วัยเด็ก แต่เมื่อโชคชะตาพลิกผัน พวกเขากลับต้องมายืนอยู่คนละฝั่งของสงคราม
เมื่อญี่ปุ่นเข้ารุกรานโชซอน อี จอง-รยอได้รับคำสั่งให้เข้ารับใช้ในกองทัพภายใต้การนำของพระเจ้าเซโจ ขณะที่ชอน ยองหนีออกจากคฤหาสน์ของเจ้านายและเข้าร่วมกลุ่มกองกำลังชาวบ้านที่ลุกขึ้นต่อต้าน ภายใต้สถานการณ์ที่บีบบังคับ อดีตเพื่อนรักต้องเผชิญหน้ากันบนสนามรบ การตัดสินใจของพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไปตลอดกาล

รีวิว Uprising กบฏผงาดแผ่นดิน
1. งานกำกับและภาพยนตร์: ความสมจริงของสงครามและบรรยากาศโชซอน
คิม ซัง-มัน ถ่ายทอด Uprising ออกมาได้อย่างทรงพลัง หนังไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์สงครามทั่วไปที่เต็มไปด้วยฉากต่อสู้ แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของอุดมการณ์และมิตรภาพที่ถูกทำลายโดยสงคราม จุดเด่นของหนังอยู่ที่ความสมจริงของฉากรบ ซึ่งทีมงานใช้เทคนิค Practical Effects ผสมผสาน CGI อย่างแนบเนียน สร้างฉากสงครามที่สมจริงและเต็มไปด้วยความโหดร้าย
งานกำกับภาพของ จู ซอง-ริม เน้นโทนภาพที่มีความหม่นหมองสะท้อนถึงสภาพสังคมของยุคโชซอน ฉากการรบกลางฝนตกหนักและทะเลเพลิงจากหมู่บ้านที่ถูกเผา ทำให้ผู้ชมสัมผัสถึงความสิ้นหวังของผู้คนที่ต้องเผชิญกับสงคราม นอกจากนี้ยังมีการใช้มุมกล้องแบบ Long Take ที่ทำให้ฉากแอ็คชั่นดูสมจริงและตรึงคนดูให้อยู่กับเหตุการณ์
2. การแสดง: คัง ดง-วอน และ พัค จอง-มิน ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
การแสดงของ คัง ดง-วอน และ พัค จอง-มิน เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ Uprising มีพลังและอารมณ์ลึกซึ้ง
- คัง ดง-วอน ในบท ชอน ยอง เป็นบทบาทที่ท้าทาย เพราะตัวละครนี้ต้องแบกรับทั้งความเจ็บปวดจากการเป็นทาส และความขัดแย้งในจิตใจระหว่างการลุกขึ้นต่อต้านหรือยอมจำนน การแสดงของเขาถ่ายทอดได้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะฉากที่เขาต้องเลือกระหว่างชีวิตของตัวเองกับอุดมการณ์ที่เขาเชื่อมั่น
- พัค จอง-มิน ในบท อี จอง-รยอ เป็นตัวละครที่ซับซ้อน เขาไม่ได้เป็นวายร้าย แต่เป็นคนที่ติดอยู่ในกับดักของหน้าที่และเกียรติยศ ฉากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับชอน ยอง เต็มไปด้วยความตึงเครียดและสะเทือนอารมณ์
การแสดงของ ชา ซึง-วอน ในบทพระเจ้าเซโจ ก็น่าจดจำ เขาแสดงให้เห็นถึงกษัตริย์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและความโหดเหี้ยม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวแทนของความจริงในประวัติศาสตร์ว่าอำนาจอยู่เหนือทุกสิ่ง
3. ธีมหลักของภาพยนตร์: สงครามไม่ได้มีแต่ขาวกับดำ
สิ่งที่ทำให้ Uprising โดดเด่นเหนือภาพยนตร์สงครามทั่วไปคือ การตั้งคำถามเกี่ยวกับอุดมการณ์และศีลธรรมของมนุษย์
- “อะไรคือเสรีภาพ?” ตัวละครของชอน ยอง ต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าการต่อสู้เพื่ออิสรภาพนั้นต้องแลกด้วยชีวิตของคนมากมาย
- “หน้าที่ หรือ ความถูกต้อง?” อี จอง-รยอ ถูกบีบบังคับให้เลือกระหว่างการภักดีต่อกษัตริย์กับความถูกต้องในใจของเขา
- “สงครามไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง” หนังแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็สูญเสีย แม้แต่ผู้ที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะก็ต้องจ่ายราคาที่หนักหนาสาหัส
สรุป Uprising เป็นมากกว่าหนังสงคราม แต่เป็นหนังที่ตั้งคำถามกับชีวิต
Uprising อาจไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่เน้นแอ็คชั่นเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นหนังที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความขัดแย้ง และการตั้งคำถามเกี่ยวกับอุดมการณ์ที่ทำให้ผู้ชมต้องขบคิด ซึ่งจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ฉากแอ็คชั่นดาบที่สมจริงและดุดัน, การแสดงที่ยอดเยี่ยมของคัง ดง-วอน และพัค จอง-มิน, งานกำกับภาพที่งดงาม ถ่ายทอดความสมจริงของสงครามได้ดี ตลอดจนเนื้อเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของมนุษย์ แต่ก็ยังมีบางจุดด้อยเช่น การดำเนินเรื่องค่อนข้างช้าในช่วงแรกหรือโครงเรื่องอาจคาดเดาได้ในบางจุด
“สงครามไม่ได้มีแค่ผู้แพ้และผู้ชนะ… มีแต่ผู้ที่สูญเสียมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้น”