รีวิวเปรียบเทียบ The Old Guard ทั้ง 2 ภาค เมื่อความอมตะอาจไม่ยั่งยืนเสมอไป

รีวิวเปรียบเทียบ The Old Guard ทั้ง 2 ภาค เมื่อความอมตะอาจไม่ยั่งยืนเสมอไป

จากความสำเร็จของ The Old Guard (2020) ที่เปิดตัวอย่างร้อนแรงบน Netflix พร้อมคำชมว่าเป็น “หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ต่างจากสูตรสำเร็จทั่วไป” มาสู่ภาคต่อในปี 2025 กับ The Old Guard 2 ที่แฟน ๆ เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเสียงแตกที่ไม่ค่อยสวยงามนัก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไล่เรียงเสียงตอบรับของทั้งสองภาคแบบชัด ๆ เปรียบเทียบในแต่ละมิติ ทั้งเนื้อหา การแสดง เทคนิคภาพ ไปจนถึงความคาดหวังที่สมหวังหรือผิดหวัง

เนื้อเรื่องและการเล่าเรื่อง

The Old Guard (2020):
เปิดตัวด้วยไอเดียกลุ่มนักรบอมตะที่ต่อสู้เพื่อมนุษยชาติผ่านศตวรรษ โดยเน้นตัวละคร “แอนดี้” (Charlize Theron) เป็นศูนย์กลางของทีม การเดินเรื่องมีจังหวะชัดเจน แม้ไม่หวือหวาแต่หนักแน่น และมีการแนะนำตัวละครใหม่อย่าง “ไนล์” ได้ลงตัว

The Old Guard 2 (2025):
ภาคต่อพยายามขยายโลกของเรื่องราว แต่กลับโดนวิจารณ์ว่าเล่าเรื่องเชื่องช้า พล็อตซับซ้อนโดยไม่จำเป็น และฉากจบที่ทำให้ผู้ชม “สับสนและไม่พอใจ” นักวิจารณ์หลายคนมองว่า ภาค 2 ขาดโฟกัสหลัก และเหมือนแค่ “ปูทางสู่ภาค 3”

✅ ภาคแรกเล่าเรื่องกระชับ ชัดเจน ❌ ภาคสองหลวม คลุมเครือ

รีวิวเปรียบเทียบ The Old Guard ทั้ง 2 ภาค เมื่อความอมตะอาจไม่ยั่งยืนเสมอไป
รีวิวเปรียบเทียบ The Old Guard ทั้ง 2 ภาค เมื่อความอมตะอาจไม่ยั่งยืนเสมอไป

นักแสดงและตัวละคร

The Old Guard (2020):
Charlize Theron ได้รับคำชมมากในบทแอนดี้ ทั้งแง่ความแข็งแกร่งและอารมณ์ที่ลึกซึ้ง ตัวละครโจ & นิคกี้ ที่เป็นคู่รักเพศเดียวกันก็ได้รับคำชื่นชมด้านการนำเสนออย่างธรรมชาติ

The Old Guard 2 (2025):
นักแสดงยังคงคุณภาพเดิม โดยเฉพาะ KiKi Layne และ Matthias Schoenaerts แต่กลับไม่มีฉากให้แสดงฝีมือเท่าภาคแรก ขณะที่ Uma Thurman และ Henry Golding แม้มีศักยภาพ แต่กลับใช้บทได้ไม่คุ้มค่า

✅ นักแสดงแข็งแกร่งทั้งสองภาค ❌ แต่ภาค 2 ไม่เปิดพื้นที่ให้นักแสดงแสดงศักยภาพเท่าภาคแรก

แอ็กชันและเทคนิคภาพ

The Old Guard (2020):
ฉากต่อสู้ถูกออกแบบมาอย่างดี สมจริงและทรงพลัง โดยใช้การต่อสู้ระยะประชิดเป็นหลัก มีจังหวะที่จับต้องได้ ไม่เวอร์จนเกินไป

The Old Guard 2 (2025):
ภาคต่อถูกวิจารณ์ว่า “แอ็กชันอืด” และใช้แสงมืดเกินความจำเป็น ทำให้หลายฉากดูไม่ชัดเจน การตัดต่อขาดความกระชับเมื่อเทียบกับภาคก่อน

✅ ภาคแรก: แอ็กชันเข้มข้น ❌ ภาคสอง: เทคนิคตก และการกำกับไม่กลมกล่อม

รีวิวเปรียบเทียบ The Old Guard ทั้ง 2 ภาค เมื่อความอมตะอาจไม่ยั่งยืนเสมอไป

คะแนนจากเว็บไซต์รีวิว

เว็บไซต์The Old Guard (2020)The Old Guard 2 (2025)
IMDb6.7/105.2/10 (ณ กรกฎาคม 2025)
Rotten Tomatoes (Critics)80% (Fresh)28% (Rotten)
Rotten Tomatoes (Audience)70%+40–45%
Metacritic70/10043/100

เสียงจากผู้ชม

  • “ภาคแรกคือแอ็กชันแนวใหม่ที่ดูไม่เวอร์ แต่ภาคสองคือฝันร้ายที่พยายามยัด mythology จนล้น” — Reddit

  • “The Old Guard 2 ควรเปลี่ยนชื่อเป็น The Slow Guard” — ผู้ใช้ X (Twitter)

  • “ฉันยังรักแอนดี้ แต่บทของเธอในภาคนี้ไม่เหลืออะไรเลย” — ผู้ชมบน Letterboxd

รีวิวเปรียบเทียบ The Old Guard ทั้ง 2 ภาค เมื่อความอมตะอาจไม่ยั่งยืนเสมอไป

สรุปส่งท้าย

The Old Guard (2020) คือหนึ่งในหนังแอ็กชันแฟนตาซีที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้ Netflix ได้อย่างแท้จริง ทั้งฉากต่อสู้ เนื้อเรื่อง และพลังนักแสดงหญิง
แต่ The Old Guard 2 (2025) กลับกลายเป็นตัวอย่างของภาคต่อที่ “ไม่ได้เติบโตขึ้น” และทำให้ความคาดหวังของแฟน ๆ ต้องผิดหวังอย่างชัดเจน

ควรดูภาค 2 ไหม?
หากคุณเป็นแฟนภาคแรกตัวยงและอยากรู้ว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น อาจพอดูได้ แต่ขอให้ลดความคาดหวังลงมาก ๆ

ลลิน อัครเศรษฐ์

ลลิน อัครเศรษฐ์

ผู้เขียน

Scroll to Top