รีวิวหนัง Veteran 2 (2024) การกลับมาของตำรวจสายฮาที่คราวนี้ต้องเจอกับความมืดที่โหดกว่าทุกครั้ง

รีวิวหนัง Veteran 2 (2024) การกลับมาของตำรวจสายฮาที่คราวนี้ต้องเจอกับความมืดที่โหดกว่าทุกครั้ง

ข้อมูลภาพยนตร์

  • ชื่อหนัง: I, the Executioner (หรือชื่อในเกาหลี: 베테랑 2)
  • ปีที่ฉาย: 2024
  • หมวดหมู่: แอ็กชัน / อาชญากรรม / ดราม่าจิตวิทยา
  • ผู้กำกับ: รยู ซึงวาน (Ryoo Seung-wan)
  • ความยาว: 118 นาที
  • วันเข้าฉาย: 7 กุมภาพันธ์ 2024 (เกาหลีใต้)
  • คะแนน IMDb: 6.3/10 (อัปเดตล่าสุด)

นักแสดง

  • ฮวังจองมิน (Hwang Jung-min) รับบท ซอโดชอล
  • จองแฮอิน (Jung Hae-in) รับบท ผู้ต้องสงสัย/ฆาตกร
  • จางยุนจู (Jang Yoon-ju) รับบท สารวัตรยุน
  • โอแดฮวาน (Oh Dae-hwan) รับบท นักสืบหวัง

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ

หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก Veteran (2015) ผ่านไปหลายปี นักสืบซอโดชอลกลับมาพร้อมภารกิจใหม่ที่ต้องไล่ล่าคนร้ายในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดสยองที่มีเงื่อนงำบางอย่างเชื่อมโยงกับอดีตของตำรวจเอง ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือชายหนุ่มนิ่งขรึมที่ดูไม่มีพิษภัยอะไรเลย แต่ทว่าเบื้องหลังกลับซ่อนความลึกลับอย่างไม่ธรรมดา

ในขณะที่ซอพยายามสาวไปยังต้นตอของความจริง เขากลับพบว่า คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องอาชญากรรมธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนความเน่าเฟะในระบบที่เขาเองก็เป็นส่วนหนึ่ง การไล่ล่าเริ่มกลายเป็นเกมจิตวิทยาระหว่างตำรวจผู้ห่ามกับฆาตกรผู้เฉียบแหลม

รีวิวหนัง Veteran 2 (2024) การกลับมาของตำรวจสายฮาที่คราวนี้ต้องเจอกับความมืดที่โหดกว่าทุกครั้ง

รีวิวหนัง I, the Executioner (Veteran 2) คู่เดือดนรกต้องกราบ

1. การกลับมาของตำรวจสายบู๊ในมุมที่ดาร์กขึ้น

ถ้า Veteran ภาคแรกเป็นหนังตำรวจสายลุยผสมมุกตลกแสบๆ คันๆ ที่ล้อเลียนระบบทุนนิยมและความยุติธรรมแบบเสียดสี ภาค 2 กลับเลือกเดินทางที่ต่างออกไป โดยเน้นความเข้มข้นทางจิตวิทยาและบรรยากาศที่หม่นมนัสมากขึ้น

ตัวละคร “ซอโดชอล” ของฮวังจองมิน ยังคงเป็นตำรวจสายฮา ปากไว กวนประสาทตามสไตล์ แต่ครั้งนี้เขาต้องเจอกับคู่ปรับที่ไม่ธรรมดา ซึ่งทำให้เขาต้องสำรวจตัวเองในมุมที่ลึกซึ้งกว่าครั้งไหนๆ

2. ฆาตกรที่ไม่ใช่แค่ฆาตกร

จองแฮอินทำเซอร์ไพรส์แบบสุดทางกับบทฆาตกรลึกลับที่มีรอยยิ้มและแววตาสงบนิ่ง แต่กลับแผ่รังสีความอันตรายอย่างไม่ต้องพูดคำเดียว การแสดงของเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันและเสน่ห์ของ “คนที่อาจจะใช่…หรือไม่ใช่” ตัวร้าย บทนี้พลิกภาพนักแสดงหนุ่มลุคอบอุ่นให้กลายเป็นคนที่เรามองไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไร

3. แอ็กชันที่มีพลัง และจังหวะดราม่าที่เฉียบ

แม้โทนของหนังจะจริงจังขึ้น แต่ฉากแอ็กชันยังคงจัดเต็มเหมือนเดิม ไล่ล่าตามตรอก ซัดกันในห้องสอบสวน จนถึงการปะทะกลางเมือง ทุกฉากถูกออกแบบมาอย่างมีชั้นเชิงและตัดต่อได้กระชับ ไม่มีฉากไหนยืดเยื้อให้เสียจังหวะ ขณะที่ดราม่าก็สอดแทรกมาแบบไม่ฟูมฟาย แต่กระแทกใจตรงๆ โดยเฉพาะประเด็น “ความยุติธรรมที่เลือกข้าง” และ “เส้นแบ่งบางๆ ระหว่างเหยื่อกับคนผิด”

จุดที่ทำให้คิดตามของภาพยนตร์ I, the Executioner (Veteran 2) คู่เดือดนรกต้องกราบ

  1. ความยุติธรรมไม่ควรถูกผูกไว้กับระบบที่บิดเบี้ยว
    หนังตั้งคำถามว่าระบบยุติธรรมที่เราเชื่อมั่น บางครั้งอาจเป็นเพียงเครื่องมือของผู้มีอำนาจ และการเลือกจะยืนหยัดต่อสู้หรือยอมรับความเน่าเฟะนั้น คือสิ่งที่วัดความเป็นมนุษย์

  2. ผู้กระทำผิดก็เคยเป็นเหยื่อมาก่อน
    คดีฆาตกรรมในเรื่องพาเราย้อนกลับไปสำรวจอดีตของตัวละคร จนทำให้เข้าใจว่า เบื้องหลังความรุนแรง มักมีรอยแผลจากสังคมที่ไม่เคยเยียวยา

  3. ไม่มีใครดีหมดหรือเลวหมด
    ทั้งตำรวจและฆาตกรในเรื่องนี้ต่างมีด้านมืดและด้านสว่าง ไม่มีใคร “ขาว” หรือ “ดำ” แบบสุดขั้ว ทุกคนล้วนซับซ้อน และบางครั้งเราก็อาจเป็น “ผู้ประหาร” ในชีวิตจริงของคนอื่นโดยไม่รู้ตัว

สรุปการรีวิว

I, the Executioner (Veteran 2) คือภาคต่อที่กล้าฉีกจากโทนเดิม มุ่งเน้นการสำรวจจิตใจตัวละครมากกว่าความสะใจล้วนๆ ด้วยบทที่แข็งแรง การแสดงที่เฉียบคม และการตั้งคำถามที่ลึกซึ้ง มันคือหนังตำรวจที่ทั้งมันส์ ดาร์ก และชวนคิด

สำหรับแฟนภาคแรก จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่โตขึ้นของจักรวาล Veteran ส่วนคนที่ชอบหนังแนวจิตวิทยาเชิงอาชญากรรม ก็จะได้พบกับประสบการณ์ที่เข้มข้นเกินคาด

“เมื่อตำรวจกลายเป็นคนที่ต้องตามหาความจริงจากเงาของความยุติธรรมที่บิดเบี้ยว — นี่คือภาคต่อที่สมศักดิ์ศรีและอาจดีกว่าภาคแรกในหลายแง่มุม”

Scroll to Top