
ข้อมูลหนัง
- ชื่อภาพยนตร์: The Ice Age Adventures of Buck Wild (ผจญภัยยุคน้ำแข็งกับบัค ไวด์)
- ปีที่ฉาย: 2022
- หมวดหมู่: แอนิเมชัน, ผจญภัย, คอมเมดี้
- ผู้กำกับ: จอห์น ซี. ดอนกิน (John C. Donkin)
- ความยาว: 82 นาที
- วันเข้าฉาย: 28 มกราคม 2022 (Disney+)
- คะแนน IMDb: 4.3/10
ผู้ให้เสียงพากย์
- ไซมอน เพ็กก์ (Simon Pegg) ให้เสียง บัค ไวด์
- วินเซนต์ ทอง (Vincent Tong) ให้เสียง แครช
- แอรอน แฮร์ริส (Aaron Harris) ให้เสียง เอ็ดดี้
- จัสทีนา มาชาโด (Justina Machado) ให้เสียง เซน่า
- อัตติคัส ชาฟเฟอร์ (Atticus Shaffer) ให้เสียง ออร์สัน
ตัวอย่าง The Ice Age Adventures of Buck Wild 2022
เรื่องย่อ – ผจญภัยอีกครั้งในโลกใต้พิภพ
The Ice Age Adventures of Buck Wild เป็นภาพยนตร์ภาคแยกของแฟรนไชส์ Ice Age ที่เน้นเรื่องราวของ แครช (Crash) และเอ็ดดี้ (Eddie) สองพี่น้องพอสซัมสุดแสบที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง
เมื่อทั้งสองตัดสินใจออกจากครอบครัวใหญ่ที่มี ซิด (Sid), มานเฟรด (Manny) และดิเอโก้ (Diego) พวกเขากลับ ตกลงไปในโลกใต้พิภพ (Lost World) โดยบังเอิญ และได้พบกับ บัค ไวด์ (Buck Wild) วีเซลตาเดียวสุดบ้าบิ่นที่เป็นขาประจำของสถานที่แห่งนี้
แต่ทว่าดินแดนใต้พิภพกำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อ ออร์สัน (Orson) ไดโนเสาร์จอมวางแผนพยายามยึดครองดินแดนแห่งนี้ ทำให้แครช, เอ็ดดี้ และบัค ต้องรวมพลังกันเพื่อปกป้องโลกใต้พิภพจากเงื้อมมือของไดโนเสาร์จอมเจ้าเล่ห์

รีวิว – ภาคแยกที่อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ยังคงมีเสน่ห์ในแบบของมันเอง
1. การกลับมาของบัค ไวด์ แต่ไม่ใช่ Ice Age ที่เราคุ้นเคย
บัค ไวด์ เป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความนิยมจาก Ice Age: Dawn of the Dinosaurs (2009) และกลายเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยความบ้าระห่ำแบบไร้ขีดจำกัด และสไตล์การพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน ซึ่งไซมอน เพ็กก์ก็ยังคงให้เสียงพากย์ได้อย่างยอดเยี่ยมในภาคนี้
อย่างไรก็ตาม ภาคแยกนี้ไม่มีตัวละครหลักจาก Ice Age อย่าง ซิด, มานเฟรด และดิเอโก้ มามีบทบาทสำคัญ ทำให้แฟน ๆ อาจรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป บรรยากาศของหนังเปลี่ยนไปจากเดิม และให้ความรู้สึกเหมือนเป็น สปินออฟที่แตกต่างจากซีรีส์หลักมากกว่าภาคต่อที่แท้จริง
2. เนื้อเรื่องที่เรียบง่ายและไม่มีอะไรใหม่
The Ice Age Adventures of Buck Wild มีพล็อตที่ค่อนข้างธรรมดา การผจญภัยเพื่อปกป้องดินแดนจากวายร้าย เป็นพล็อตที่เราเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว และหนังไม่ได้พยายามเพิ่มความแปลกใหม่เข้าไปมากนัก
แม้ว่าตัวละคร แครช และเอ็ดดี้ จะได้รับบทนำ แต่พวกเขากลับไม่ได้มีการพัฒนาตัวละครมากนัก การตัดสินใจของพวกเขายังคงเป็นไปในแนวทางที่ “สร้างปัญหาแล้วต้องหาทางแก้ไข” เหมือนที่เราเห็นมาตลอด ทำให้รู้สึกว่า เนื้อเรื่องอาจไม่แข็งแรงพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ชมตลอดเรื่อง
3. งานแอนิเมชันที่ลดคุณภาพลงจากภาคก่อน ๆ
หนึ่งในจุดที่ถูกวิจารณ์อย่างมากของภาคนี้คือ คุณภาพของแอนิเมชันที่ดูด้อยลง หากเปรียบเทียบกับภาคก่อน ๆ ของ Ice Age งานภาพในภาคนี้ดูเหมือนจะมีรายละเอียดที่ลดลงไป และฉากบางฉากดูเหมือนแอนิเมชันที่ออกแบบมาสำหรับรายการทีวีมากกว่าภาพยนตร์ที่ฉายในโรง
อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของแอนิเมชันในภาคนี้คือ การใช้สีสันที่สดใสและโลกใต้พิภพที่ยังคงมีเสน่ห์ในตัวเอง แต่โดยรวมแล้ว คุณภาพของแอนิเมชันยังคงเป็นข้อด้อยที่แฟน ๆ ของแฟรนไชส์รู้สึกได้อย่างชัดเจน
4. อารมณ์ขันและความสนุกยังคงอยู่ แต่ไม่ได้มากพอที่จะสร้างแรงดึงดูด
หนึ่งในจุดเด่นของ Ice Age มาตลอดคือ อารมณ์ขันที่สดใหม่และเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งในภาคนี้ก็ยังคงมีอยู่ แต่ ไม่ได้มีมุกที่สร้างความประทับใจเท่ากับภาคก่อน ๆ
มุกตลกบางส่วนยังคงใช้การเล่นกับบุคลิกของตัวละคร เช่น ความเปิ่นของแครชและเอ็ดดี้ หรือความบ้าระห่ำของบัค แต่เมื่อไม่มีตัวละครหลักอย่าง ซิด มานเฟรด หรือดิเอโก้ มาช่วยเสริม ทำให้พลังของอารมณ์ขันในเรื่องลดลงไป
The Ice Age Adventures of Buck Wild เหมาะกับใคร?
ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะกับ แฟน Ice Age ที่ต้องการเห็นการกลับมาของบัค ไวด์ ตัวละครที่เคยเป็นสีสันในภาคก่อน ๆ หากคุณชื่นชอบคาแรกเตอร์ของเขาและอยากติดตามเรื่องราวใหม่ ๆ ของโลกใต้พิภพ หนังเรื่องนี้อาจพอให้ความบันเทิงได้ นอกจากนี้ The Ice Age Adventures of Buck Wild ยังเหมาะสำหรับเด็ก ๆ และครอบครัวที่ต้องการดูแอนิเมชันที่สนุกสนานแบบไม่ซับซ้อน เพราะมีเนื้อเรื่องที่ง่ายต่อการติดตาม มุกตลกที่เข้าใจง่าย และบรรยากาศที่สดใส อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่คาดหวังว่า หนังจะมีคุณภาพเทียบเท่ากับภาคหลักของ Ice Age อาจต้องเตรียมใจก่อน เพราะหนังภาคแยกนี้มีบางจุดที่อาจทำให้ผิดหวัง
ข้อดีของภาพยนตร์
หนึ่งในจุดแข็งของเรื่องคือ บัค ไวด์ ยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และสร้างสีสันให้กับเรื่องราว การกลับมาของเขาทำให้หนังยังคงมีความสนุกและความแปลกแหวกแนวเหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่ Ice Age: Dawn of the Dinosaurs อีกทั้งตัวหนังยังคงมี อารมณ์ขันและการผจญภัยที่ให้ความรู้สึกสนุกเพลิดเพลิน แม้ว่าจะไม่ได้ตื่นเต้นเร้าใจเท่าภาคก่อน ๆ แต่ก็ยังเหมาะสำหรับการดูคลายเครียด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมเด็กและครอบครัวที่อยากหาหนังแอนิเมชันสนุก ๆ ไว้ดูแบบสบาย ๆ
ข้อสังเกต
อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ค่อนข้างธรรมดาและไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ มากนัก การเดินเรื่องเป็นเส้นตรงและขาดความเข้มข้นแบบที่ภาคหลักเคยมี นอกจากนี้ แอนิเมชันในภาคนี้ดูด้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ ของ Ice Age รายละเอียดของภาพและการออกแบบฉากบางส่วนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นแอนิเมชันสำหรับทีวีมากกว่าภาพยนตร์ใหญ่ นอกจากนี้ การไม่มีตัวละครหลักอย่าง ซิด, มานเฟรด และดิเอโก้ มามีบทบาทสำคัญ ทำให้ขาดความรู้สึกเชื่อมโยงกับจักรวาล Ice Age เดิม ซึ่งอาจเป็นข้อเสียสำหรับแฟนเก่าที่คุ้นเคยกับทีมดั้งเดิม
สรุปการรีวิว
The Ice Age Adventures of Buck Wild เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ให้ความรู้สึกเป็น สปินออฟสำหรับเด็กมากกว่าภาคต่อของ Ice Age แม้ว่าจะยังคงมีอารมณ์ขันและฉากผจญภัย แต่เนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยเข้มข้นและคุณภาพของแอนิเมชันที่ลดลง ทำให้มันอาจไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์นี้