รีวิวหนัง Ransomed (2023) ลุยแดนสงครามพิชิตภารกิจไถ่ตัวประกัน

1. เคมีของนักแสดงหลัก: คู่หูที่แตกต่างแต่น่าติดตาม

• ฮา จอง-อู ถ่ายทอดบทบาท อี มิน-จุน นักการทูตที่มีบุคลิกสุขุมและจริงจังอย่างยอดเยี่ยม ตัวละครของเขาเป็นคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ภาคสนามมาก่อน ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่คาดไม่ถึง และจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด
• จู จี-ฮุน ในบท พัน-ซู ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยพลังและเสน่ห์เฉพาะตัว เขาคือคนขับแท็กซี่ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม หัวหมอ แต่ก็มีจิตใจดี เคมีของเขากับฮา จอง-อู สร้างอารมณ์ขันและความผูกพันระหว่างตัวละครที่ทำให้ผู้ชมเอาใจช่วย

2. การสะท้อนสถานการณ์โลกและการเมืองระหว่างประเทศ

ภาพยนตร์ Ransomed ไม่ใช่แค่เรื่องราวของภารกิจช่วยตัวประกันเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนถึง การเมืองระหว่างประเทศในยุคสงครามเย็น

• เกาหลีใต้ในช่วงทศวรรษที่ 80 ยังไม่ได้เป็นประเทศที่มีอำนาจทางการทูตมากนัก ทำให้รัฐบาลต้องใช้ช่องทางที่ไม่เป็นทางการเพื่อจัดการกับเหตุการณ์ลักพาตัว
• สงครามกลางเมืองในเลบานอน เป็นฉากหลังที่สะท้อนถึงความวุ่นวายและอันตรายที่ผู้คนต้องเผชิญ ทั้งทหารรับจ้าง กลุ่มติดอาวุธ และรัฐบาลเผด็จการ

3. ฉากแอ็กชันและบรรยากาศสงคราม

• หนังเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็น การไล่ล่ากลางเมืองเบรุต หรือ การซุ่มโจมตีในตรอกแคบ ๆ
• งานถ่ายทำทำให้บรรยากาศของเมืองเลบานอนเต็มไปด้วย ความอึดอัด กดดัน และอันตรายรอบด้าน
• ฉากจบที่เข้มข้นและการเอาชีวิตรอดของตัวละคร ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นไปจนถึงวินาทีสุดท้าย

4. ธีมของการเสียสละและความเป็นมนุษย์

• Ransomed แสดงให้เห็นว่า มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงกันและกันได้
• อี มิน-จุน จากคนที่ไม่เคยต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อใคร ต้องเรียนรู้ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด
• พัน-ซู จากคนที่เห็นแก่ตัว ต้องเลือกว่าจะช่วยเหลือคนอื่นหรือเอาตัวรอดเพียงลำพัง
• ธีมของ ความเสียสละ ความเป็นพี่น้อง และศีลธรรมในโลกที่โหดร้าย ถูกนำเสนออย่างลึกซึ้ง