
ข้อมูลหนัง
- ชื่อภาพยนตร์: Nosferatu (นอสเฟอราตู)
- ปีที่ฉาย: 2024
- หมวดหมู่: สยองขวัญ / กอธิก
- ผู้กำกับ: โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส (Robert Eggers)
- ความยาว: 132 นาที
- วันเข้าฉาย: 25 ธันวาคม 2024
- คะแนน IMDb: 7.3/10
นักแสดง
- บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) รับบทเป็น เคานต์ออร์ล็อค
- ลิลี่-โรส เดปป์ (Lily-Rose Depp) รับบทเป็น เอลเลน ฮัตเตอร์
- นิโคลัส โฮลท์ (Nicholas Hoult) รับบทเป็น โธมัส ฮัตเตอร์
- แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน (Aaron Taylor-Johnson) รับบทเป็น ฟรีดริช ฮาร์ดิง
- เอ็มมา คอร์ริน (Emma Corrin) รับบทเป็น แอนนา ฮาร์ดิง
- วิลเลม เดโฟ (Willem Dafoe) รับบทเป็น ศาสตราจารย์อัลบิน เอเบอร์ฮาร์ต ฟอน ฟรานซ์
ตัวอย่างหนัง Nosferatu (นอสเฟอราตู)
เรื่องย่อ: การเผชิญหน้ากับความมืดมิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง
ในปี 1838 โธมัส ฮัตเตอร์ (นิโคลัส โฮลท์) นายหน้าอสังหาริมทรัพย์หนุ่มจากเมืองวิสบวร์ก ประเทศเยอรมนี ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปยังทรานซิลเวเนียเพื่อพบกับ เคานต์ออร์ล็อค (บิลล์ สการ์สการ์ด) ขุนนางลึกลับที่ต้องการซื้อคฤหาสน์ในเมืองของเขา แม้ภรรยาของเขา เอลเลน (ลิลี่-โรส เดปป์) จะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ แต่โธมัสยังคงมุ่งหน้าไปยังปราสาทของออร์ล็อค
เมื่อมาถึง โธมัสพบว่าเคานต์ออร์ล็อคเป็นบุคคลที่น่ากลัวและมีพฤติกรรมประหลาด หลังจากการพบกัน โธมัสเริ่มประสบกับฝันร้ายและพบรอยกัดบนร่างกายของเขา ในขณะเดียวกัน ออร์ล็อคได้เดินทางไปยังวิสบวร์ก นำพาความสยองขวัญและโรคระบาดมาสู่เมือง เอลเลนต้องเผชิญหน้ากับความกลัวและค้นหาวิธีหยุดยั้งออร์ล็อคก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
รีวิวหนัง Nosferatu (นอสเฟอราตู)
1. การเล่าเรื่องและบทภาพยนตร์: การผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความสดใหม่
โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส นำเสนอ “Nosferatu” ในรูปแบบที่เคารพต้นฉบับปี 1922 ของ F.W. Murnau แต่เพิ่มความลึกซึ้งและรายละเอียดที่ทำให้เรื่องราวมีชีวิตชีวามากขึ้น บทภาพยนตร์ยังคงรักษาโครงสร้างหลักของเรื่องราวดั้งเดิม แต่เพิ่มมิติให้กับตัวละครและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
จุดเด่น
- การพัฒนาตัวละคร: เอลเลน ฮัตเตอร์ ได้รับบทบาทที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แสดงถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในการปกป้องคนที่เธอรัก
- บรรยากาศ: การสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวและเต็มไปด้วยความตึงเครียด ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปในโลกของภาพยนตร์
จุดที่ควรพิจารณา
- ความยาวของภาพยนตร์: บางช่วงของเรื่องราวอาจรู้สึกยืดเยื้อสำหรับผู้ชมบางกลุ่ม

2. การแสดง: การถ่ายทอดอารมณ์ที่ทรงพลัง
บิลล์ สการ์สการ์ด ในบทเคานต์ออร์ล็อค ถ่ายทอดความน่ากลัวและเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของแวมไพร์ได้อย่างยอดเยี่ยม การแสดงของเขาทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัวและหลงใหลในเวลาเดียวกัน
ลิลี่-โรส เดปป์ ในบทเอลเลน แสดงถึงความกล้าหาญและความอ่อนโยนได้อย่างลงตัว เธอสามารถสื่อสารความรู้สึกซับซ้อนของตัวละครผ่านสายตาและท่าทางได้อย่างน่าประทับใจ
นิโคลัส โฮลท์ ในบทโธมัส ฮัตเตอร์ ถ่ายทอดความสับสนและความกล้าหาญของตัวละครที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่เกินกว่าความเข้าใจของมนุษย์
3. งานภาพและการกำกับ: งานศิลปะสยองขวัญที่สมบูรณ์แบบ
โรเบิร์ต เอ็กเกอร์ส เป็นผู้กำกับที่มีความโดดเด่นด้านงานภาพ และ “Nosferatu” ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จุดเด่นของงานโปรดักชัน การใช้แสงและเงาแบบ Expressionism ทำให้ภาพยนตร์เต็มไปด้วยบรรยากาศของความหวาดกลัว ฉากปราสาทของออร์ล็อค ถูกออกแบบมาให้เหมือนฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้น การใช้ฟิลเตอร์สีที่ซีดจางและแสงไฟแบบธรรมชาติ ทำให้ภาพยนตร์ให้ความรู้สึกของยุคสมัยและความเก่า
4. ประเด็นที่หนังพยายามสื่อ
“ความรักหรือคำสาป?”
ความสัมพันธ์ระหว่างออร์ล็อคกับเอลเลนเป็นมากกว่าความหลงใหล มันคือความต้องการที่จะครอบครองและหลุดพ้นจากคำสาป
“มนุษย์กับปีศาจ ต่างกันจริงหรือ?”
ภาพยนตร์สะท้อนให้เห็นว่า ออร์ล็อคไม่ใช่เพียงสัตว์ประหลาด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกขังอยู่ในความหิวกระหายและความโดดเดี่ยว
“ความหวาดกลัวที่แท้จริงมาจากไหน?”
ไม่ใช่แค่แวมไพร์ที่น่ากลัว แต่ ความกลัวของผู้คนเองก็เป็นสิ่งที่นำไปสู่ความหายนะ
โดยสรุป Nosferatu คือหนึ่งในภาพยนตร์สยองขวัญที่ทรงพลังที่สุดของปี สำหรับคอหนังสยองขวัญคลาสสิก ถ้าคุณชอบ Dracula (1931), Nosferatu (1922) หรือ The Lighthouse (2019) คุณจะรักหนังเรื่องนี้
Nosferatu 2024 คือภาพยนตร์สยองขวัญที่ไม่เพียงแค่หลอกหลอนคุณ แต่จะติดอยู่ในจิตใจของคุณไปตลอดกาล