รีวิวหนัง Jurassic World: Fallen Kingdom (2018) ภาคที่ถูกจดจำด้วยฉากสะเทือนใจที่สุดของแฟรนไชส์

รีวิวหนัง Jurassic World: Fallen Kingdom (2018) ภาคที่ถูกจดจำด้วยฉากสะเทือนใจที่สุดของแฟรนไชส์

ข้อมูลภาพยนตร์

  • ชื่อหนัง: Jurassic World: Fallen Kingdom
  • ปีที่ฉาย: 2018
  • หมวดหมู่: แอ็กชัน / ผจญภัย / ไซไฟ
  • ผู้กำกับ: เจ. เอ. บาโยนา (J.A. Bayona)
  • ความยาว: 2 ชั่วโมง 8 นาที
  • วันเข้าฉาย: 7 มิถุนายน 2018 (ไทย)
  • คะแนน IMDb: 6.1/10

ตัวอย่างหนัง Jurassic World Fallen Kingdom จูราสสิค เวิลด์ อาณาจักรล่มสลาย

เรื่องย่อ Jurassic World Fallen Kingdom จูราสสิค เวิลด์ อาณาจักรล่มสลาย

สามปีหลังจากเหตุการณ์ความวุ่นวายใน Jurassic World (2015) เกาะอิสลา นูบลาร์ที่เคยเป็นสวรรค์ของไดโนเสาร์ต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหม่ เมื่อภูเขาไฟบนเกาะกำลังจะระเบิดและอาจทำให้ไดโนเสาร์ที่เหลืออยู่สูญพันธุ์อีกครั้ง

แคลร์ เดียริ่ง อดีตผู้บริหารของ Jurassic World ได้ก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์ไดโนเสาร์ขึ้นเพื่อหาทางช่วยเหลือพวกมันออกจากเกาะ เธอได้รับการติดต่อจากเบนจามิน ล็อควูด ผู้เคยเป็นหุ้นส่วนของดร.จอห์น แฮมมอนด์ ผู้สร้าง Jurassic Park เดิม ล็อควูดเสนอแผนช่วยเหลือโดยให้ทุนในการอพยพไดโนเสาร์ไปยังเกาะปลอดภัยแห่งใหม่

แคลร์ชวนโอเว่น เกรดี้ อดีตครูฝึกแรปเตอร์ให้กลับมาร่วมภารกิจเพื่อช่วยเหลือ บลู แรปเตอร์สุดฉลาดที่เขาผูกพันด้วย แต่เมื่อภารกิจดำเนินไป พวกเขากลับพบว่าเบื้องหลังการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นแผนการของอีไล มิลส์ ซึ่งต้องการลักลอบนำไดโนเสาร์ไปขายในตลาดมืด และยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอินโดแรปเตอร์ ไดโนเสาร์สายพันธุ์ลูกผสมที่ถูกออกแบบมาให้เป็นอาวุธชีวภาพ

รีวิวหนัง Jurassic World: Fallen Kingdom (2018) ภาคที่ถูกจดจำด้วยฉากสะเทือนใจที่สุดของแฟรนไชส์

นักแสดงและบทบาท

  • คริส แพร็ตต์ (Chris Pratt) รับบท โอเว่น เกรดี้ – อดีตผู้ฝึกแรปเตอร์ใน Jurassic World ที่กลับมาช่วยเหลือไดโนเสาร์ โดยเฉพาะ บลู แรปเตอร์สุดฉลาดที่เขาผูกพัน
  • ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด (Bryce Dallas Howard) รับบท แคลร์ เดียริ่ง – อดีตผู้บริหาร Jurassic World ที่ตอนนี้เป็นนักอนุรักษ์ไดโนเสาร์และก่อตั้งองค์กร Dinosaur Protection Group
  • ราฟ สปอลล์ (Rafe Spall) รับบท อีไล มิลส์ – ผู้ดูแลมรดกของเบนจามิน ล็อควูด ซึ่งมีแผนลับเกี่ยวกับการขายไดโนเสาร์ในตลาดมืด
  • จัสติส สมิธ (Justice Smith) รับบท แฟรงคลิน เวบบ์ – นักไอทีประจำทีมของแคลร์ที่ต้องช่วยเจาะระบบ Jurassic World
  • แดเนียลลา พิเนดา (Daniella Pineda) รับบท ดร.ซีอา รอดริเกซ – สัตวแพทย์ไดโนเสาร์ที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาบลู

ตัวละครสมทบสำคัญ

  • เจมส์ ครอมเวลล์ (James Cromwell) รับบท เบนจามิน ล็อควูด – อดีตคู่หูของดร.จอห์น แฮมมอนด์ที่ต้องการช่วยเหลือไดโนเสาร์
  • โทบี้ โจนส์ (Toby Jones) รับบท กุนนาร์ อีเวอร์ซอล – พ่อค้าตลาดมืดที่จัดการประมูลไดโนเสาร์
  • เท็ด เลวีน (Ted Levine) รับบท เคน วีทลีย์ – นายทหารรับจ้างที่ถูกจ้างให้จับไดโนเสาร์
  • อิซาเบลล่า เซอร์มอน (Isabella Sermon) รับบท เมซี่ ล็อควูด – หลานสาวของเบนจามิน ล็อควูด ผู้มีความลับสำคัญ
  • เจฟฟ์ โกลด์บลัม (Jeff Goldblum) รับบท ดร.เอียน มัลคอล์ม – นักคณิตศาสตร์ผู้เคยเตือนถึงอันตรายของการนำไดโนเสาร์กลับมาสู่โลก

รีวิว Jurassic World Fallen Kingdom จูราสสิค เวิลด์ อาณาจักรล่มสลาย

รีวิวหนัง Jurassic World: Fallen Kingdom (2018) ภาคที่ถูกจดจำด้วยฉากสะเทือนใจที่สุดของแฟรนไชส์

1. The Death of Jurassic Park Scene – ฉากที่สะเทือนใจที่สุดของแฟรนไชส์

หนึ่งในฉากที่เศร้าที่สุดของแฟรนไชส์ Jurassic Park และ Jurassic World คือฉากที่แบรคคิโอซอรัสตัวสุดท้ายของเกาะอิสลา นูบลาร์ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังขณะที่ภูเขาไฟปะทุ

เมื่อโอเว่น แคลร์ และพวกนักวิทยาศาสตร์สามารถนำไดโนเสาร์บางตัวขึ้นเรือเพื่ออพยพออกจากเกาะได้ พวกเขาหันกลับไปมองเกาะที่กำลังถูกทำลาย และในตอนนั้นเองที่กล้องจับภาพแบรคคิโอซอรัสตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ริมชายฝั่งส่งเสียงร้องโหยหวนขณะที่ไฟและเถ้าถ่านค่อยๆ กลืนกินร่างของมัน

ฉากนี้สะท้อนถึงความผิดพลาดของมนุษย์ที่พยายามเล่นกับธรรมชาติโดยไม่เคารพสิ่งมีชีวิตที่เคยสูญพันธุ์ไปแล้ว ฉากนี้ยิ่งสะเทือนใจยิ่งขึ้นเมื่อมีการเปิดเผยว่า แบรคคิโอซอรัสตัวนี้อาจเป็นตัวเดียวกับที่เราเห็นใน Jurassic Park (1993) ตอนที่แฮมมอนด์และทีมของเขาได้พบมันครั้งแรก เป็นเหมือนการบอกลายุคแห่งไดโนเสาร์บนเกาะอิสลา นูบลาร์อย่างเป็นทางการ

2. จุดเด่นของ Fallen Kingdom

  • โทนหนังที่แตกต่าง – ภาคนี้มีบรรยากาศที่มืดมนและลึกลับกว่าภาคก่อนๆ โดยเฉพาะฉากในปราสาทล็อควูดที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังสยองขวัญ มากกว่าหนังแอ็กชันทั่วไป
  • ฉากแอ็กชันที่น่าตื่นเต้น – ฉากหนีภูเขาไฟเป็นไฮไลต์สำคัญที่สร้างความตื่นเต้นแบบไม่ให้ผู้ชมได้พักหายใจ
  • อินโดแรปเตอร์: ศัตรูตัวใหม่ที่น่าสะพรึงกลัว – แม้ว่าจะไม่โดดเด่นเท่ากับอินโดไมนัส เร็กซ์ในภาคก่อน แต่ก็นำเสนอความฉลาดและโหดเหี้ยมที่ทำให้ฉากไล่ล่าตื่นเต้นขึ้น

บางจุดที่ยังถูกวิจารณ์ได้แก่

  • พล็อตที่คาดเดาง่าย – เรื่องราวของการใช้ไดโนเสาร์เป็นอาวุธไม่ใช่แนวคิดใหม่ และหนังดำเนินไปตามสูตรสำเร็จของแฟรนไชส์
  • ตัวร้ายไม่ค่อยน่าจดจำ – อีไล มิลส์ เป็นตัวร้ายที่ขาดเสน่ห์และไม่น่าจดจำเมื่อเทียบกับวายร้ายจากภาคก่อน
  • อินโดแรปเตอร์ไม่ได้ถูกใช้อย่างเต็มที่ – แม้ว่าจะถูกโปรโมตอย่างหนัก แต่การมีบทบาทของมันค่อนข้างน้อยกว่าที่แฟนๆ คาดหวัง

สรุปการรีวิว Jurassic World: Fallen Kingdom

Jurassic World: Fallen Kingdom เป็นภาคที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชัน ลุ้นระทึก และมีอารมณ์ดราม่าที่หนักหน่วงกว่าภาคก่อน โดยเฉพาะฉากการตายของแบรคคิโอซอรัสที่เป็นเหมือนจุดจบของ Jurassic Park อย่างเป็นทางการ แม้ว่าพล็อตอาจไม่แปลกใหม่และมีจุดอ่อนในแง่ของตัวละคร แต่หนังเรื่องนี้ยังคงมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับแฟนๆ ของแฟรนไชส์

โดยรวมแล้ว ภาคนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนของจักรวาล Jurassic ที่พาเราออกจากเกาะและนำไปสู่แนวทางใหม่ที่ไดโนเสาร์ต้องอยู่ร่วมกับมนุษย์ในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Jurassic World: Dominion (2022) จะมาสานต่อ แต่สำหรับผู้ที่คาดหวังบรรยากาศแบบ Jurassic Park (1993) อาจรู้สึกว่าหนังภาคนี้เดินออกนอกเส้นทางเดิมมากเกินไป

Scroll to Top