รีวิวหนัง Happy Monday(s) (2025) สวัสดีวันจันทร์(ส) | วนลูปรักในวันจันทร์ หนังไทยคอมเมดี้ดูเพลินบน Netflix

รีวิวหนัง Happy Monday(s) (2025) สวัสดีวันจันทร์(ส) | วนลูปรักในวันจันทร์ หนังไทยคอมเมดี้ดูเพลินบน Netflix

ข้อมูลหนัง

  • ชื่อหนัง: สวัสดีวันจันทร์(ส) (Happy Monday(s)
  • ปีที่ฉาย: 2025
  • หมวดหมู่: โรแมนติก / คอมเมดี้ / ไซไฟ (Time Loop)
  • ผู้กำกับ: ข้อมูลไม่ระบุ
  • ความยาว: 1 ชั่วโมง 52 นาที
  • วันเข้าฉาย: 20 กุมภาพันธ์ 2025 (ประเทศไทย)
  • คะแนน IMDb: 5.7/10

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ

“เอิร์ธ” (รับบทโดย โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์) นักศึกษาปี 8 ที่ไม่ยอมจบซักที ตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์ที่ 1 เมษายน — และพบว่าทุกวันหลังจากนั้นก็ยังเป็น…วันจันทร์อยู่ดี

เขาเริ่มใช้ลูปเวลานี้เพื่อเอาชนะใจ “สายไหม” (พันปีดี ขุมพร รอดสวัสดิ์) หญิงสาวในฝัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับได้เรียนรู้ว่า “ความรัก” ไม่ได้อยู่ที่การจำสูตรสำเร็จ แต่มันอยู่ที่การเติบโตและการเข้าใจความผิดพลาดของตัวเอง

นักแสดง

  • โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ รับบท เอิร์ธ: นักศึกษาปี 8 ที่ติดอยู่ในลูปวันจันทร์

  • พันปีดี ขุมพร รอดสวัสดิ์ รับบท สายไหม: หญิงสาวที่เอิร์ธหลงรัก

  • พูน มิตรภักดี รับบท เต้: นักร้องหนุ่มผู้เป็นคู่แข่ง

  • ชัชชวิศ เตชะรักษ์พงษ์ รับบท รัก: รูมเมตที่สนใจเรื่องเหนือธรรมชาติ

  • วริศรา จิตรปรีดาสกุล รับบท กิมจิ: แฟนสาวของรัก

  • อินทิรา เจริญปุระ รับบท อ้อย

  • อภิญญา สกุลเจริญสุข รับบท ปลา: เพื่อนของเอิร์ธ

  • สิรินทรา นิยะกร รับบท แม่ของเอิร์ธ

  • ปิยะ สัตยวาหะ รับบท พ่อของเอิร์ธ

รีวิวหนัง Happy Monday(s) (2025) สวัสดีวันจันทร์(ส) | วนลูปรักในวันจันทร์ หนังไทยคอมเมดี้ดูเพลินบน Netflix
รีวิวหนัง Happy Monday(s) (2025) สวัสดีวันจันทร์(ส) | วนลูปรักในวันจันทร์ หนังไทยคอมเมดี้ดูเพลินบน Netflix

รีวิวหนัง Happy Monday(s) (2025) สวัสดีวันจันทร์(ส) | วนลูปรักในวันจันทร์ หนังไทยคอมเมดี้ดูเพลินบน Netflix

หากคุณกำลังมองหาหนังไทยที่ทั้งอบอุ่น มีไอเดียสนุก และไม่ต้องใช้สมองมากเกินไป Happy Monday(s) คือหนึ่งในหนังที่ดูเพลินที่สุดบน Netflix ตอนนี้! หนังพาเราติดอยู่ใน “วันจันทร์” วนไปไม่รู้จบ ผ่านสายตาของนักศึกษาหนุ่มที่ไม่พร้อมจะโต แต่กลับถูกบีบให้โตเพราะหัวใจ และเวลาที่ไม่ขยับไปไหน

ในส่วนของบทภาพยนตร์ Happy Monday(s) เขียนโดย “บอลรูม-วรลักษณ์ กล้าสุคนธ์” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการ Content Lab ของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) บทภาพยนตร์นี้ได้รับการพัฒนาและสนับสนุนจากโครงการดังกล่าว

1. จุดเด่นของภาพยนตร์

  • พล็อตลูปเวลาแบบไทยๆ: นานๆ ทีเราจะได้เห็นหนังไทยเล่นกับแนวลูปเวลาได้อย่างไม่ขัดเขิน Happy Monday(s) ใช้ลูปเวลานี้เป็น “เครื่องมือ” ให้คนดูได้เข้าใจตัวละคร มากกว่าจะเป็นแค่ลูกเล่นทางเทคนิค

  • ความเป็นมนุษย์ของตัวละคร: เอิร์ธเป็นคนที่มีข้อบกพร่อง เติบโตช้า แต่ก็จริงใจ และเมื่อได้ใช้โอกาสซ้ำไปซ้ำมา เขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปจริงๆ

  • โทนเรื่องเบาสบายแต่ไม่เบาปัญญา: มีทั้งช่วงขำ ช่วงจุก ช่วงคิดตาม โดยเฉพาะฉากกับครอบครัวและเพื่อนสนิท

จุดที่อาจไม่เป๊ะได้แก่

  • หนังยาวประมาณ 128 นาที อาจมีช่วงเนือย ๆ บ้าง โดยเฉพาะฉากวนลูปที่ไม่ได้เพิ่มข้อมูลใหม่เท่าไร

  • โทนเรื่องสลับจากคอมเมดี้ไปดราม่าเร็วไปนิด บางคนอาจไม่ทันตั้งตัว

ภาพยนตร์ Happy Monday(s) ได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายจากผู้ชม โดยหลายคนชื่นชมในแนวคิดและการแสดงของนักแสดงนำ 

2. ฉากที่น่าจดจำในเรื่อง

หนึ่งในฉากที่ชวนจุกที่สุดของ Happy Monday(s) คือฉากที่เอิร์ธกลับไปกินข้าวกับแม่หลังวนลูปมาหลายครั้ง แล้วเขาพูดกับแม่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนเดิม—ไม่ใช่แค่บทสนทนาอัตโนมัติที่ลูกชายจะพูดในชีวิตประจำวัน แต่เป็นการพูดด้วยความเข้าใจ ความซาบซึ้ง และความกลัวที่จะสูญเสียคนที่รัก

อีกฉากหนึ่งคือการ “สารภาพรัก” ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับสายไหม ที่เปลี่ยนไปในแต่ละรอบ บางรอบน่ารัก บางรอบน่าเอ็นดู บางรอบน่าสงสาร และบางรอบทำให้เราเห็นเลยว่า ความรักมันไม่ใช่การจำบทมาพูดให้ตรง แต่คือการสื่อสารจาก “ใจที่เปลี่ยนแปลง” ต่างหาก

ฉากเหล่านี้ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังลูปเวลา แต่คือหนังที่เข้าใจ “พลังของช่วงเวลาธรรมดาๆ” ได้อย่างลึกซึ้ง

3. สัญลักษณ์และการตีความต่อ วันจันทร์

วันจันทร์ คือวันที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ มันคือการเริ่มต้นใหม่ที่ไม่อยากเริ่ม มันคือการกลับไปเผชิญความจริงหลังวันหยุดสุดสัปดาห์ของการ “หนี”

การที่ตัวเอกติดอยู่ในลูปของวันจันทร์จึงไม่ใช่แค่กิมมิกตลก แต่มันสะท้อนชีวิตของคนหนุ่มสาวที่ยังไม่พร้อมจะเติบโต — ทั้งในแง่ชีวิต การงาน ความรัก และการตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองยังไงดี

วันจันทร์ใน Happy Monday(s) ไม่ได้แค่แทนเวลา แต่เป็นสัญลักษณ์ของ “จุดเปลี่ยน” ที่เราหนีไม่ได้ ถ้าไม่กล้าก้าวออกจากมัน

ใครบ้างที่อาจชอบภาพยนตร์เรื่องนี้

Happy Monday(s) เหมาะกับคนที่ “ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองโตพอรึยัง” คนที่เคยรู้สึกติดอยู่กับความสัมพันธ์เดิม ๆ หรือรู้สึกว่าชีวิตไม่ไปไหน หรือแม้แต่คนที่อยากย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งเล็กๆ ที่คิดว่า “ตอนนั้นน่าจะทำให้ดีกว่านี้”

และมันเหมาะกับคนที่เคยล้มเหลวกับความรัก หรือเคยคิดว่าตัวเอง “ดีพอแล้ว ทำไมถึงไม่ได้รักกลับมา” เพราะหนังเรื่องนี้จะพาไปเห็นว่า…
บางที “ดีพอ” ในสายตาเรา อาจไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
และการเติบโตมันไม่ใช่แค่พยายาม “ให้เขารักเรา” แต่คือการเข้าใจว่าตัวเองพร้อมจะรักใครจริงๆ หรือยังต่างหาก

บทสรุป

Happy Monday(s) เป็นหนังไทยที่ไม่ได้พยายามจะยิ่งใหญ่ แต่กลับ “จริงใจ” และมีพลังบางอย่างที่พาคนดูยิ้มได้อย่างอบอุ่น เหมาะมากสำหรับวันว่างที่คุณอยากดูอะไรเบาๆ แต่ไม่เบาหวิวเกินไป และยิ่งถ้าคุณเองก็เป็นคนที่ “เคยหลงรักใครสักคนแบบอยากแก้ไขเวลา” หนังเรื่องนี้อาจทำให้คุณอยากขอบคุณวันจันทร์ขึ้นมานิดหน่อยเลยล่ะ

ลลิน อัครเศรษฐ์

ลลิน อัครเศรษฐ์

ผู้เขียน

Scroll to Top