
ข้อมูลภาพยนตร์
- ชื่อหนัง: Fight or Flight
- ปีที่ฉาย: 2025
- หมวดหมู่: แอ็กชัน / ตลก
- ผู้กำกับ: เจมส์ มาดิแกน (James Madigan)
- ความยาว: 97 นาที
- วันเข้าฉาย: 28 กุมภาพันธ์ 2025 (สหราชอาณาจักร), 9 พฤษภาคม 2025 (สหรัฐอเมริกา)
- คะแนน IMDb: 6.4/10
นักแสดง
จอช ฮาร์ทเน็ตต์ (Josh Hartnett) รับบท ลูคัส เรเยส – อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษที่ถูกดึงกลับเข้าสู่วงการเพื่อภารกิจบนเครื่องบิน
ชาริธรา จันทราน (Charithra Chandran) รับบท แอร์โฮสเตส – พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน
จูเลียน คอสตอฟ (Julian Kostov) รับบท แอรอน ฮันเตอร์ – เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจลับนี้
เคที่ แซคฮอฟฟ์ (Katee Sackhoff) รับบท แคทเธอรีน บรันท์ – ผู้บังคับบัญชาของลูคัส
มาร์โก ซารอร์ (Marko Zaror) – นักฆ่าที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง
รีเบคก้า จอห์นสตัน (Rebecka Johnston) – ตัวละครสมทบที่เพิ่มสีสันให้กับเรื่องราว
ตัวอย่างหนัง Fight or Flight (2025)
เรื่องย่อ Fight or Flight (2025)
ลูคัส เรเยส (จอช ฮาร์ทเน็ตต์) อดีตเจ้าหน้าที่พิเศษที่ปลีกตัวไปใช้ชีวิตเงียบสงบในประเทศไทย ได้รับการติดต่อจากอดีตผู้บังคับบัญชา แคทเธอรีน บรันท์ (เคที่ แซคฮอฟฟ์) ให้กลับมาปฏิบัติภารกิจสำคัญ นั่นคือการคุ้มกันและนำตัวแฮกเกอร์อันตรายที่รู้จักกันในนาม “The Ghost” กลับสหรัฐฯ ลูคัสต้องขึ้นเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปยังซานฟรานซิสโก โดยไม่รู้เลยว่าผู้โดยสารคนอื่น ๆ บนเครื่องลำนั้นเป็นนักฆ่าที่มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการกำจัด “The Ghost” การต่อสู้สุดมันส์ที่ความสูง 30,000 ฟุตจึงเริ่มต้นขึ้น

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Fight or Flight (2025)
1. การแสดงและบทบาท
จอช ฮาร์ทเน็ตต์ – การกลับมาของเขาในบทบาทแอ็กชันครั้งนี้ถือว่าน่าประทับใจ เขาสามารถถ่ายทอดบทบาทของลูคัส เรเยส ได้อย่างมีเสน่ห์และน่าเชื่อถือ ทั้งในฉากแอ็กชันและฉากที่ต้องแสดงอารมณ์
ชาริธรา จันทราน – ในบทแอร์โฮสเตส เธอสามารถสร้างความประทับใจด้วยการแสดงที่เป็นธรรมชาติ และมีเคมีที่ดีกับฮาร์ทเน็ตต์ ทำให้เรื่องราวมีมิติมากขึ้น
2. การเล่าเรื่องและบทภาพยนตร์
“Fight or Flight” นำเสนอพล็อตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน การดำเนินเรื่องรวดเร็วและไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้ชมสามารถติดตามได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ แม้ว่าบางช่วงของเรื่องอาจดูเกินจริงและขาดความสมเหตุสมผล แต่ด้วยการนำเสนอที่เน้นความบันเทิง ทำให้ผู้ชมสามารถมองข้ามข้อบกพร่องเหล่านี้ได้
3. งานโปรดักชันและฉากแอ็กชัน
ฉากแอ็กชันใน “Fight or Flight” ถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์และน่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธต่าง ๆ หรือการใช้สภาพแวดล้อมบนเครื่องบินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เอฟเฟกต์พิเศษและการถ่ายทำทำได้อย่างมีคุณภาพ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในสถานการณ์จริง
4. การกำกับและการดำเนินเรื่อง
เจมส์ มาดิแกน ในฐานะผู้กำกับ สามารถนำเสนอภาพยนตร์แอ็กชันที่มีความสดใหม่และน่าสนใจ แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องในบางจุด แต่โดยรวมแล้ว เขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอ็กชันได้อย่างดี
สรุปการรีวิว
“Fight or Flight” เป็นภาพยนตร์แอ็กชันที่มอบความบันเทิงและความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าโครงเรื่องจะไม่ซับซ้อน แต่ด้วยการแสดงที่น่าประทับใจของจอช ฮาร์ทเน็ตต์ และฉากแอ็กชันที่ออกแบบมาอย่างดี ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้มค่าแก่การรับชมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอ็กชันคอมเมดี้