รีวิวหนัง Bring Her Back (2025) เมื่อความโศกกลายเป็นฝันร้าย

รีวิวหนัง Bring Her Back (2025) เมื่อความโศกกลายเป็นฝันร้าย

ข้อมูลหนัง

  • ปีที่ฉาย: 2025

  • ผู้กำกับ: Danny Philippou, Michael Philippou

  • ผู้เขียนบท: Danny Philippou

  • ความยาว: 94 นาที

  • วันเข้าฉาย: 25 พฤษภาคม 2025 (สหรัฐอเมริกา)

  • คะแนน IMDb: 7.3/10

ตัวอย่างหนัง

เรื่องย่อ

หลังจากสูญเสียลูกสาวไปอย่างกะทันหัน “แอนดี้” เด็กชายวัย 12 ขวบ ผู้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความเศร้าลึก เริ่มรับรู้ถึงพลังลึกลับที่เชื่อว่าเขาสามารถ “นำพี่สาวกลับมา” ได้ — แม้จะต้องแลกกับบางสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายก็ตาม

ในขณะที่ “ลอร่า” แม่ของเขาเองก็กำลังจมอยู่ในความโศกเศร้าและความสับสน ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกเริ่มแตกร้าวเมื่อสิ่งเหนือธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในบ้านที่เงียบงันแต่เต็มไปด้วยเสียงสะอื้นทางใจ หนังดำเนินเรื่องด้วยบรรยากาศอึมครึมที่ตัดสลับระหว่างความทรงจำ ความรู้สึกผิด และภาพหลอนที่แยกไม่ออกจากความจริง

นักแสดงและบทบาท

  • Sally Hawkins รับบท Laura

  • Billy Barratt รับบท Andy

  • Sora Wong รับบท Piper

  • Lily LaTorre รับบท Zoe

รีวิวหนัง Bring Her Back (2025) เมื่อความโศกกลายเป็นฝันร้าย
รีวิวหนัง Bring Her Back (2025) เมื่อความโศกกลายเป็นฝันร้าย
รีวิวหนัง Bring Her Back (2025) เมื่อความโศกกลายเป็นฝันร้าย

รีวิวเชิงลึก: “โศกนาฏกรรมที่ค่อย ๆ ปลุกผีในใจ”

รีวิวเชิงลึก: “โศกนาฏกรรมที่ค่อย ๆ ปลุกผีในใจ”

หาก Talk to Me คือหนังที่พูดถึงความลุ่มหลงในความตาย Bring Her Back ก็เป็นอีกขั้นหนึ่งของการสะท้อน “โศกเศร้าที่ยังไม่ยอมไป” โดยใช้โทนสยองขวัญชวนขนลุกสไตล์ A24 มาชำแหละความรู้สึกผิดในครอบครัวและจิตใจของเด็กที่ยังไม่เข้าใจโลก

สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ทรงพลังคือ การแสดงของ Billy Barratt ในบทแอนดี้ เด็กชายที่มีทั้งแววตาไร้เดียงสาและความมืดในใจ เขาไม่ได้ร้องไห้เพื่อเรียกความสงสาร แต่เพียง “อยู่เงียบ ๆ” ก็สามารถสื่อให้คนดูรู้ว่าโลกทั้งใบของเขาถูกฉีกขาดไปแล้ว

Sally Hawkins ในบทลอร่า มารดาที่เหมือนกำลังดำเนินชีวิตปกติ แต่ภายในกลับเหมือนหล่นลงหลุมลึกไร้ทางออก ความเฉียบของหนังคือมันไม่ได้ใส่ผีออกมาโผล่ให้ตกใจ แต่มันใช้ “เงา” ใช้ “เสียง” ใช้ “ความเงียบ” เป็นตัวสร้างฝันร้ายในหัวคนดู

การกำกับของสองพี่น้อง Philippou พัฒนาอย่างชัดเจนจาก Talk to Me โดยเลือกใช้จังหวะที่นิ่งขึ้น ลึกขึ้น สื่อภาพจิตวิญญาณได้เหนือกว่าเดิม และ “คุมบรรยากาศ” ให้อึดอัดตลอดทั้งเรื่องแบบไม่ต้องพึ่งเสียงดังหรือฉากโหด

Bring Her Back ไม่ได้ให้คำตอบง่าย ๆ กับความตาย แต่มันตั้งคำถามว่า

“หากคุณมีโอกาสพาคนที่รักกลับมา… คุณจะยอมแลกอะไร?”
และ… “คุณแน่ใจไหมว่า สิ่งที่กลับมา คือเขาจริง ๆ?”

ความคิดเห็นจากนักวิจารณ์

  • Rotten Tomatoes ระบุคะแนน Tomatometer สูงถึง 89–90% จากนักวิจารณ์กว่า 193 ราย โดยสรุปว่า “A domestic nightmare that draws its most profound scares from Sally Hawkins’ deranged performance… confirms the Philippou brothers as modern masters of horror.” 
  • Metacritic ให้ Metascore อยู่ที่ 75/100 บ่งบอกถึงการตอบรับที่ “ดีมาก” 

  • Substream Magazine (Murjani Rawls) มองว่าเป็นผลงานที่ “โหดร้ายกว่า Talk to Me” — ถ่ายทอดความสิ้นหวังและข้ามขีดจำกัดด้านศีลธรรมอย่างไม่หวั่นไหว 

  • ScreenAnarchy ชี้ว่าหนังให้คำตอบอย่างหนักแน่นผ่านฉากสำคัญหลายฉาก พร้อมสร้างตัวละครให้รู้สึกจริงจัง “ช็อกใจ” และ “แตกสลาย” ScreenAnarchy

  • การแสดงของ Sally Hawkins ได้รับคำชมว่า “แทบจะเป็นจุดเด่นที่สุดของปีนี้” สื่อสารภาวะจิตใจที่คลุ้มคลั่งจากความสูญเสีย 

  • งานภาพและเสียง (sound design) ถูกยกย่องว่า “ขนลุก”, “กินใจ” แนวสุดขีดมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Talk to Me เรดดิต

⚠️ เสียงวิจารณ์เชิงลบ

  • บางคนมองว่าโครงเรื่องค่อนข้างคล้ายกับแนวทางเก่า (trauma-based horror) และขาดการลงลึกอารมณ์บางส่วน เช่นจาก IndieWire และ HorrorGeekLife ที่ให้เหตุผลว่า “อารมณ์ไม่ได้เชื่อมกับเรื่องราวจนลึกล้ำพอ” horrorgeeklife.com

บททิ้งท้าย หลอนแบบเงียบ ๆ ที่ฝังลึกกว่าเสียงกรีดร้อง

Bring Her Back คือหนังสยองขวัญเชิงจิตวิทยาที่ไม่จำเป็นต้องมีผี ก็ทำให้คุณนั่งไม่ติดที่นั่ง มันทำหน้าที่เป็นทั้งภาพยนตร์ และบทกวีแห่งความเศร้า เสียดแทงใจผ่านภาพช้า ๆ และแววตาของเด็กชายที่แค่ต้องการ “พี่สาวคืนมา”

ใครที่ชอบหนังแนว Hereditary, The Babadook, Talk to Me หรือหนังที่ไม่เฉลยทุกอย่างให้เสร็จ แต่อยู่กับคุณหลังหนังจบ — เรื่องนี้ “ต้องดู”

ลลิน อัครเศรษฐ์

ลลิน อัครเศรษฐ์

ผู้เขียน

Scroll to Top