
ข้อมูลหนัง
- ชื่อหนัง: Be Somebody (扬名立万)
- ปีที่ฉาย: 2021
- หมวดหมู่: ตลก, ดราม่า, ลึกลับ
- ผู้กำกับ: หลิว ซุนจื่อโม่ (Liu Xunzimo)
- ความยาว: 123 นาที
- วันเข้าฉาย: 11 พฤศจิกายน 2021 (ประเทศจีน)
- คะแนน IMDb: 6.9/10
นักแสดงหลัก
หยิน เจิ้ง (Yin Zheng) รับบท หลี่ เจียฮุ่ย
เติ้ง เจียเจีย (Deng Jiajia) รับบท ซู เมิ่งเตี๋ย
อวี๋ เอินไถ (Yu Entai) รับบท เจิ้ง เฉียนลี่
หยาง ห่าวอวี่ (Yang Haoyu) รับบท กวน จิ้งเหนียน
เฉิน หมิงห่าว (Chen Minghao) รับบท ลู่ จื่อเย่

เรื่องย่อ Be Somebody 2021
เรื่องราวของ Be Somebody เกิดขึ้นใน เซี่ยงไฮ้ ช่วงปี 1940 โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อ หลี่ เจียฮุ่ย (หยิน เจิ้ง) อดีตนักข่าวที่ผันตัวมาเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ ได้รับเชิญให้มาพบกับ ลู่ จื่อเย่ (เฉิน หมิงห่าว) นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งกำลังวางแผนสร้างภาพยนตร์ที่อิงจาก “คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ยังไม่คลี่คลาย”
นอกจากหลี่ เจียฮุ่ยแล้ว ในห้องประชุมยังมีบุคคลสำคัญในวงการภาพยนตร์อีกหลายคน เช่น
- เจิ้ง เฉียนลี่ (อวี๋ เอินไถ) ผู้กำกับที่เคยมีชื่อเสียง
- ซู เมิ่งเตี๋ย (เติ้ง เจียเจีย) นักแสดงหญิงผู้มีอดีตลึกลับ
- เฉิน เสี่ยวต้า (เค่อ ต้า) นักแสดงชายที่พยายามสร้างชื่อเสียง
- กวน จิ้งเหนียน (หยาง ห่าวอวี่) โปรดิวเซอร์จอมเจ้าเล่ห์
แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการประชุมเพื่อเขียนบทภาพยนตร์กลับกลายเป็น “เกมสืบสวนที่เดิมพันด้วยชีวิต” เมื่อพวกเขาเริ่มค้นพบว่าคดีฆาตกรรมที่พวกเขากำลังจะนำมาสร้างหนัง อาจมีฆาตกรตัวจริงอยู่ในห้องนี้ด้วย
ยิ่งพวกเขาค้นลึกลงไปในรายละเอียดของคดี ความจริงอันดำมืดเกี่ยวกับอดีตของแต่ละคนก็เริ่มเผยออกมา ความไม่ไว้วางใจและความตึงเครียดเริ่มทวีขึ้น เมื่อพวกเขาตระหนักว่า ใครบางคนในนี้ไม่ได้มาเพื่อทำหนัง…แต่มาเพื่อปิดปากความลับบางอย่าง
ตัวอย่างหนัง Be Somebody (2021)
รีวิว Be Somebody (2021)
1. แนวทางการเล่าเรื่องที่แตกต่างและชวนติดตาม
Be Somebody นำเสนอเรื่องราวในลักษณะของ “ละครเวทีแบบภาพยนตร์” (Stage Play-Style Film) ซึ่งหมายความว่าภาพยนตร์ส่วนใหญ่ดำเนินเรื่องใน สถานที่เดียว (คฤหาสน์ของลู่ จื่อเย่) และใช้บทสนทนาเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเรื่องราว
แม้ว่าหนังจะไม่มีฉากแอ็กชันหรือการไล่ล่าระทึกขวัญแบบหนังสืบสวนทั่วไป แต่ด้วย บทพูดที่เฉียบคม ฉากหักมุมที่คาดไม่ถึง และการพัฒนาตัวละครที่ลึกซึ้ง ทำให้หนังสามารถตรึงผู้ชมได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
2. การวิพากษ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์และสื่อมวลชน
หนังไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวสืบสวน แต่ยังเป็น การสะท้อนภาพของวงการภาพยนตร์จีนในยุค 1940 รวมถึง การวิจารณ์สื่อมวลชนและอิทธิพลของอำนาจ ผ่านตัวละครที่เป็นนักเขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดง
- หลี่ เจียฮุ่ย (นักเขียนบท) เป็นตัวแทนของผู้ที่ต้องดิ้นรนในวงการภาพยนตร์ เขาเคยเป็นนักข่าวที่ต้องการเปิดโปงความจริง แต่สุดท้ายก็ถูกบีบบังคับให้เขียนสิ่งที่ “คนมีอำนาจ” ต้องการ
- เจิ้ง เฉียนลี่ (ผู้กำกับ) เป็นตัวแทนของผู้ที่เคยมีชื่อเสียงแต่ถูกลืมเลือน และพยายามใช้โอกาสนี้เพื่อกลับมาอยู่ในวงการ
- ซู เมิ่งเตี๋ย (นักแสดงหญิง) เป็นตัวแทนของศิลปินที่ต้องต่อสู้กับอคติทางเพศและการถูกควบคุมโดยระบบอำนาจ
3. การวิพากษ์ศีลธรรมและความจริง
หนึ่งในธีมสำคัญของหนังคือ “ความจริง” และ “การบิดเบือนความจริง”
ภาพยนตร์ตั้งคำถามว่า “ความจริงที่สื่อสารออกไปนั้นเป็นความจริงที่แท้จริงหรือไม่?”
- หนังแสดงให้เห็นว่าคนในวงการสื่อสามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้เหมาะสมกับผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ
- ตัวละครทุกตัวต่างมี “เวอร์ชันของความจริง” ที่ตัวเองอยากให้โลกรับรู้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครบริสุทธิ์จริง ๆ
4. ฉากหักมุมและสัญลักษณ์ที่น่าสนใจ
- คฤหาสน์ของลู่ จื่อเย่ ไม่ใช่แค่สถานที่นัดประชุม แต่เป็น สถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง การกักขังของความลับและความมืดมนของมนุษย์
- บทพูดของตัวละครเต็มไปด้วยการเสียดสีและแฝงความหมาย เช่น คำพูดที่ว่า “ความจริงไม่มีค่าในโลกที่เต็มไปด้วยคำโกหก”
5. งานภาพและบรรยากาศของหนัง
- หนังใช้ โทนภาพแนว Film Noir ที่เน้นเงาและแสงไฟอ่อน ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศของความลึกลับ
- มุมกล้องถูกใช้เพื่อเน้นความรู้สึกของ “ความอึดอัด” และ “การถูกจับตามอง”
- แม้หนังจะเกิดขึ้นในสถานที่เดียวเป็นหลัก แต่การใช้ เทคนิคการตัดต่อและการเปลี่ยนมุมมอง ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ
6. บทสรุปและสิ่งที่หนังต้องการสื่อ
- Be Somebody ไม่ใช่แค่หนังสืบสวนทั่วไป แต่มันเป็น “จดหมายรัก” และ “คำเตือน” ถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์และสื่อมวลชน
- หนังสะท้อนให้เห็นว่า ความจริงอาจถูกบิดเบือนโดยผู้ที่มีอำนาจ และบางครั้งผู้ที่พยายามเปิดโปงความจริงอาจต้องจ่ายราคาที่แพงกว่าที่คิด
- ตัวละครแต่ละตัวแสดงให้เห็นถึง การดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดในสังคมที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงและการหักหลัง

สรุปรีวิว Be Somebody 2021
Be Somebody เป็นภาพยนตร์ที่เหนือกว่าคำว่า “สืบสวนฆาตกรรม” เพราะมันเป็นหนังที่สะท้อน อำนาจของสื่อและวงการภาพยนตร์ ได้อย่างลึกซึ้ง ด้วยบทภาพยนตร์ที่เฉียบคม นักแสดงที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม และฉากหักมุมที่ทำให้ผู้ชมต้องขบคิด