รีวิวหนัง 12 Strong (2018) ภารกิจลับของทหารม้าอเมริกัน กับบทพิสูจน์ “ศรัทธา ความกล้า และการเอาชนะความกลัว”

รีวิวหนัง 12 Strong (2018) ภารกิจลับของทหารม้าอเมริกัน กับบทพิสูจน์ “ศรัทธา ความกล้า และการเอาชนะความกลัว”

ข้อมูลหนัง

  • ชื่อภาพยนตร์: 12 Strong 12 ตายไม่เป็น
  • ปีที่ฉาย: 2018
  • หมวดหมู่: แอ็กชัน, ดราม่า, ประวัติศาสตร์, สงคราม
  • ผู้กำกับ: นิโคไล ฟูเกลซิก
  • ความยาว: 129 นาที
  • วันเข้าฉาย: 19 มกราคม 2018 (สหรัฐอเมริกา)
  • คะแนน IMDb: 6.5/10
  • สร้างจากหนังสือ: Horse Soldiers โดย Doug Stanton

นักแสดงหลัก

  • คริส เฮมส์เวิร์ธ รับบท กัปตัน มิทช์ เนลสัน

  • ไมเคิล แชนนอน รับบท หัวหน้าพลขับ ฮาล สเปนเซอร์

  • ไมเคิล พีน่า รับบท จ่าเอก แซม ดิลเลอร์

  • นาเว็ด เนกาบาน รับบท นายพล อับดุล ราชิด ดอสตุม

  • เทรวานเต โรดส์ รับบท เบน ไมโล

  • วิลเลียม ฟิชต์เนอร์ รับบท พันเอก มัลฮอลแลนด์

  • เอลซ่า พาทากี รับบท จีน เนลสัน

ตัวอย่าง 12 Strong 12 ตายไม่เป็น

เรื่องย่อ 12 Strong 12 ตายไม่เป็น

ภายหลังเหตุการณ์ 9/11 โลกทั้งโลกต่างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่ไม่มีประเทศใดตอบโต้เร็วเท่าสหรัฐอเมริกา หน่วยรบพิเศษ 12 นายในชื่อรหัส “Task Force Dagger” นำโดยกัปตัน มิทช์ เนลสัน (คริส เฮมส์เวิร์ธ) ได้รับคำสั่งลับให้บุกเข้าอัฟกานิสถานเพื่อจับมือกับกลุ่มพันธมิตรทางเหนือของ นายพลดอสตุม (นาเว็ด เนกาบาน) และต่อต้านกลุ่มตาลีบันที่ควบคุมเมืองมาซาร์-อี-ชารีฟอยู่

ปัญหาคือ… พวกเขาต้องรบในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย, ต้องฝึกขี่ม้าแบบสงครามโบราณ, และต้อง “ไว้ใจ” คนแปลกหน้าท่ามกลางไฟสงครามที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นศัตรู

รีวิวหนัง 12 Strong (2018) ภารกิจลับของทหารม้าอเมริกัน กับบทพิสูจน์ “ศรัทธา ความกล้า และการเอาชนะความกลัว”

รีวิว 12 Strong (2018) ภารกิจลับของทหารม้าอเมริกัน กับบทพิสูจน์ “ศรัทธา ความกล้า และการเอาชนะความกลัว”

1. เจาะลึกธีมหลัก: การรบในโลกใหม่ด้วยวิธีการแบบโบราณ

สิ่งที่ทำให้ 12 Strong แตกต่างจากหนังสงครามทั่วไปคือ การเปลี่ยนสมรภูมิให้ย้อนกลับไปสู่ยุคที่ “ม้า” ยังเป็นพาหนะหลัก และอาวุธสมัยใหม่ถูกบังคับให้ใช้งานในพื้นที่ที่ไม่เอื้ออำนวย

“เราคือทหารจากโลกไฮเทค… ที่ต้องเอาชนะศัตรูในภูเขาแห่งความตายด้วยอานม้า”
ประโยคที่อาจฟังดูขัดแย้ง แต่นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในปี 2001

การผสมผสานระหว่าง “ยุทธวิธีแบบดั้งเดิม” กับ “เทคโนโลยี” เป็นหัวใจของภารกิจนี้ และหนังถ่ายทอดออกมาได้ทั้งสมจริงและน่าติดตาม แม้จะมีช่วงเดินเรื่องช้าไปบ้าง แต่ก็แลกมาด้วยความลึกของบริบท

2. การแสดง: คริส เฮมส์เวิร์ธ ในบทผู้นำที่ยังไม่มีประสบการณ์สนามรบ

คริส เฮมส์เวิร์ธ ห่างไกลจากภาพเทพเจ้าค้อนของเขาใน MCU ในเรื่องนี้ เขารับบทกัปตันเนลสันที่แม้มีความตั้งใจแรงกล้า แต่ยังไม่เคยผ่านสนามรบจริงมาก่อน

ตัวละครของเขาต้องเรียนรู้ที่จะฟัง, ปรับตัว, และเผชิญหน้ากับความตายซึ่งๆ หน้า พร้อมแบกรับชีวิตของลูกทีมไว้ในมือ

อีกด้านหนึ่ง ไมเคิล แชนนอน ในบทฮาล สเปนเซอร์ เป็นเหมือนร่างเงาแห่ง “ประสบการณ์” ที่คอยเสริมสมดุลให้กับผู้นำหน้าใหม่ ทั้งสองมีเคมีที่ดี และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของกลุ่ม

3. “ทหารม้า” ในศตวรรษที่ 21: แปลก แต่จริง

ฉากทหารอเมริกันขี่ม้าในชุดรบพร้อมอาวุธทันสมัย ดูเหมือนภาพลวงตาในตอนแรก แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น การใช้ “ม้า” แทนพาหนะทางทหาร เนื่องจากภูมิประเทศของอัฟกานิสถานเป็นภูเขาสูงชันและกันดารเกินกว่าจะใช้รถถังหรือรถหุ้มเกราะได้

หนังถ่ายทอดฉากขี่ม้าเข้าสู้รบได้อย่างเร้าใจ เป็นภาพที่ทั้งงดงามและโหดร้ายในเวลาเดียวกัน

4. จุดแข็งของภาพยนตร์ 12 Strong

  • สร้างจากเหตุการณ์จริงที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง

  • ฉากรบสมจริง มีพลัง และสะเทือนอารมณ์

  • มีความลึกด้านการเมือง การทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรม

  • การแสดงมีพลัง แม้จะไม่ได้หวือหวาแบบฮอลลีวูดทั่วไป

แต่ยังมีจุดที่อาจไม่เหมาะกับทุกคนบางประการ เช่น โทนเรื่องค่อนข้าง “ดิบและจริง” อาจดูหนักสำหรับคนที่ไม่ชอบหนังสงคราม, ช่วงกลางเรื่องอาจเนิบช้า โดยเฉพาะฉากเจรจาและการวางแผน รวมถึงตัวละครรองบางคนถูกเล่าผ่านฉากแอ็กชันมากกว่าบทพูด ทำให้ไม่ลึกเท่าที่ควร

สิ่งที่หนังพยายามบอกกับคนดู

“ความกล้าหาญ ไม่ได้หมายถึงคนที่ไม่มีความกลัว
แต่มันคือการลุกขึ้นยืนทั้งที่หัวใจกำลังสั่นระรัวอยู่ข้างใน”

หนังไม่ได้สรรเสริญสงคราม แต่นำเสนอ “มนุษย์ในสนามรบ” ว่าพวกเขาก็กลัว รัก มีบ้าน มีครอบครัว และยังเชื่อในคำว่า “หน้าที่” อยู่เสมอ

สรุป

12 Strong ไม่ใช่แค่หนังสงครามอีกเรื่อง แต่คือบันทึกเหตุการณ์จริงที่น่าเหลือเชื่อ และเป็นการยกย่องทหารทั้ง 12 นายผู้เสียสละโดยไม่หวังแม้แต่ชื่อเสียง

คะแนนรวม: ★★★★☆ (8/10)
เหมาะกับ: ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์สงคราม, แฟนหนังทหารสายสมจริง, หรือผู้ที่อยากรู้เรื่องราวภารกิจที่เปลี่ยนแนวทางสงครามสมัยใหม่ในยุคหลัง 9/11

Scroll to Top