
ข้อมูลซีรีส์
- ชื่อหนัง: Apollo 13: Survival อพอลโล 13 ภารกิจต้องรอด
- ปีที่ฉาย: 2024
- หมวดหมู่: สารคดี, ประวัติศาสตร์, อวกาศ
- ผู้กำกับ: ปีเตอร์ มิดเดิลตัน (The Real Charlie Chaplin)
- ความยาว: 90 นาที
- วันเข้าฉาย: 4 กันยายน 2024 (Netflix)
- คะแนน IMDb: 7.3/10
นักแสดง
สารคดีประกอบด้วยฟุตเทจจริงและบทสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น นีล อาร์มสตรอง, จูลส์ เบิร์กแมน, เจมส์ เบิร์ก, วอลเตอร์ ครอนไคต์
ตัวอย่าง Apollo 13: Survival อพอลโล 13 ภารกิจต้องรอด
เรื่องย่อ Apollo 13: Survival อพอลโล 13 ภารกิจต้องรอด วิกฤตที่เปลี่ยนแปลงอนาคตของการสำรวจอวกาศ
Apollo 13: Survival พาผู้ชมย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์จริงของ ภารกิจอะพอลโล 13 ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งที่สามของนาซ่า แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่อันตรายและเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การบินอวกาศ
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 1970, ยานอวกาศอะพอลโล 13 ถูกปล่อยจากศูนย์อวกาศเคนเนดี พร้อมกับลูกเรือสามคน ได้แก่ จิม โลเวลล์ (ผู้บังคับบัญชา), เฟร็ด เฮย์ส (นักบินโมดูลดวงจันทร์), และ แจ็ค สไวเกอร์ต (นักบินโมดูลควบคุม) อย่างไรก็ตาม หลังจากปล่อยตัวขึ้นสู่อวกาศได้เพียง 56 ชั่วโมง ระบบออกซิเจนในโมดูลบริการเกิดระเบิดขึ้น ทำให้ยานอวกาศสูญเสียพลังงาน ระบบไฟฟ้า และน้ำดื่ม
ภารกิจที่เคยเป็น “การลงจอดบนดวงจันทร์” เปลี่ยนเป็นภารกิจเอาชีวิตรอด ลูกเรือทั้งสามต้องพยายามหาวิธีใช้อุปกรณ์ที่มีจำกัดเพื่อประหยัดพลังงานและออกซิเจน ขณะที่ทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรของนาซ่าต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อคิดหาวิธีนำพวกเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย

รีวิว Apollo 13: Survival อพอลโล 13 ภารกิจต้องรอด สารคดีที่ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติในห้วงวิกฤต
1. การเล่าเรื่อง: ดึงดูด ตื่นเต้น และสมจริง
Apollo 13: Survival ไม่ใช่เพียงแค่การบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านฟุตเทจเก่า ๆ เท่านั้น แต่ ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสร้างอารมณ์และความระทึกใจได้เหมือนกับภาพยนตร์แนวดราม่าหรือระทึกขวัญ ผู้กำกับ ปีเตอร์ มิดเดิลตัน เลือกใช้การตัดต่อแบบไดนามิกและการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่าย โดยค่อย ๆ สร้างความตึงเครียดจากจุดเริ่มต้นของภารกิจ ไปจนถึงช่วงเวลาวิกฤตที่อันตรายที่สุด
ความโดดเด่นของสารคดีเรื่องนี้คือ การใช้ฟุตเทจของจริงจากนาซ่า รวมถึงเสียงบันทึกระหว่างลูกเรือกับศูนย์ควบคุมภารกิจ ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้อยู่ร่วมเหตุการณ์จริง นอกจากนี้ ยังมีการจำลองกราฟิกเพื่ออธิบายเหตุการณ์ทางเทคนิคที่ซับซ้อน ทำให้เข้าใจง่ายขึ้นแม้สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีความรู้ด้านอวกาศ
2. แก่นหลักของสารคดี: ความร่วมมือของมนุษยชาติและความอัจฉริยะของวิศวกรนาซ่า
สิ่งที่ทำให้ Apollo 13: Survival เป็นมากกว่าสารคดีอวกาศธรรมดาคือ การเน้นไปที่จิตวิญญาณของมนุษย์ในการเอาชนะวิกฤต นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของนักบินอวกาศสามคนที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังเป็นเรื่องของ นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินที่ร่วมมือกันอย่างไม่ย่อท้อ
หนึ่งในฉากที่ทรงพลังที่สุดของสารคดีคือ การพยายามหาวิธีกรองคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศภายในยาน ด้วยอุปกรณ์ที่จำกัด นักวิศวกรของนาซ่าต้องใช้เพียงแค่ “สิ่งของที่มีอยู่บนยาน” เพื่อสร้างตัวกรองอากาศแบบชั่วคราว และพวกเขาสามารถทำได้ภายในเวลาอันจำกัด นี่เป็นตัวอย่างของการใช้ ความคิดสร้างสรรค์และวิศวกรรมเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์
3. งานโปรดักชัน: ฟุตเทจจริงที่ผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่
งานสร้างของสารคดีเรื่องนี้ใช้ ภาพจริงจากยุค 1970 ผสมผสานกับภาพที่ได้รับการรีมาสเตอร์ให้คมชัดขึ้น รวมถึงการใช้ CGI และแอนิเมชันเพื่ออธิบายกลไกทางเทคนิคที่เกิดขึ้นภายในยานอวกาศ ซึ่งช่วยให้ผู้ชมเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น
เสียงพากย์จากบันทึกการสื่อสารของจริงระหว่างลูกเรือกับศูนย์ควบคุมภารกิจฮูสตันช่วยเสริมให้สารคดีมีความสมจริงและทรงพลัง แม้ว่าผู้ชมจะรู้ว่าเรื่องราวนี้จบลงอย่างไร แต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความกดดันและความตื่นเต้นตลอดเรื่อ
จุดเด่นและจุดที่ถูกวิจารณ์ของสารคดี
จุดเด่น ได้เแก่
- การเล่าเรื่องกระชับ น่าติดตาม และให้ความรู้สึกระทึกใจแม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
- ใช้ฟุตเทจของจริงจากภารกิจ Apollo 13 ทำให้มีความสมจริงสูง
- แสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะและความร่วมมือของมนุษย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- งานภาพและเสียงคุณภาพสูง ผสมผสานเทคนิคใหม่ ๆ ได้ดี
จุดที่ถูกวิจารณ์ของสารคดี ได่แก่
- บางช่วงเนื้อหาอาจมีรายละเอียดเชิงเทคนิคมากเกินไปสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับวิศวกรรมอวกาศ
- โฟกัสของสารคดีอยู่ที่ภารกิจและวิศวกรรมเป็นหลัก อาจไม่ลงลึกถึงอารมณ์และความรู้สึกของนักบินอวกาศมากนัก
สรุป: สารคดีที่ถ่ายทอดเหตุการณ์อวกาศได้อย่างทรงพลังและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
Apollo 13: Survival เป็นสารคดีที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงความซับซ้อนของภารกิจอวกาศและสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลัง มันไม่ใช่แค่เรื่องของการนำมนุษย์ไปสู่อวกาศและกลับมาอย่างปลอดภัย แต่มันคือเรื่องราวของ ความกล้าหาญ ความร่วมมือ และความสามารถของมนุษย์ในการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
“ความสำเร็จของภารกิจนี้ไม่ได้อยู่ที่การไปถึงดวงจันทร์ แต่มันคือการกลับมายังโลกอย่างปลอดภัย และพิสูจน์ว่ามนุษย์สามารถเอาชนะอุปสรรคได้ด้วยไหวพริบและความร่วมมือ”