ในปี 2025 ที่ซีรีส์เกาหลียังคงแข่งกันดุเดือดในทุกแพลตฟอร์ม The Nice Guy กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกจับตามองทันทีที่เปิดตัว ด้วยการคัมแบคในบทบาทที่ “ท้าทายภาพจำ” ของ Lee Dong‑wook ผู้เคยรับบทเทพยมบาลสุดเย็นชาใน Goblin และฆาตกรโรคจิตใน Strangers from Hell คราวนี้เขากลับมารับบทเป็น “มาเฟียผู้มีหัวใจ” ที่พยายามหลุดพ้นจากโลกแห่งอาชญากรรมเพื่อใช้ชีวิตธรรมดา
และเมื่อประกบคู่กับนักแสดงหญิงมากฝีมืออย่าง Lee Sung‑kyung ซีรีส์เรื่องนี้จึงไม่ได้มีแค่พล็อตที่น่าสนใจ แต่ยังมาพร้อมกับการแสดงที่ชวนจับตา และประเด็นทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าคำว่า “โรแมนติก”
ข้อมูลซีรีส์
- ชื่อเรื่อง: The Nice Guy
- ปีที่ออกอากาศ: 2025
- หมวดหมู่: โรแมนติก / ดราม่า / มาเฟีย
- ผู้กำกับ: คิมซองยุน (Goblin, Itaewon Class)
- นักแสดงนำ: Lee Dong‑wook, Lee Sung‑kyung, Kim Hae-sook, Park Hae-joon
- จำนวนตอน: 12 ตอน
- วันออกอากาศ: เริ่ม 18 กรกฎาคม 2025 (ช่อง JTBC และ Netflix ในบางประเทศ)
- คะแนน IMDb (อัปเดตล่าสุด): 8.1/10
เรื่องย่อ The Nice Guy (2025) มาเฟียใจดี กับรักที่ไม่อาจปกป้องได้
The Nice Guy เล่าเรื่องของ “พัคซอกชอล” (Lee Dong‑wook) ทายาทมาเฟียผู้มีหัวใจบริสุทธิ์ตรงข้ามกับภาพลักษณ์ภายนอก เขาเติบโตมากับความรุนแรงในครอบครัวอาชญากรรม แต่กลับเชื่อในความรักและศักดิ์ศรีของชีวิตอย่างบริสุทธิ์ใจ วันหนึ่งเขาได้พบกับ “คังมียอง” (Lee Sung‑kyung) นักร้องสาวที่ไล่ตามความฝันบนเวทีใต้ดิน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มจากความบังเอิญ แต่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นจุดอ่อนในโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย
เมื่อพัคซอกชอลเริ่มตั้งคำถามกับโลกที่เขาอยู่ และพยายามสร้างทางเลือกใหม่ให้กับชีวิตและความรัก เส้นทางนั้นกลับถูกขวางด้วยอำนาจ เครือข่ายอาชญากรรม และอดีตที่ฝังลึก เขาจะเลือกอะไรระหว่าง “ความรัก” กับ “หน้าที่ที่ถูกกำหนดมาแต่กำเนิด”?
รีวิวซีรีส์ The Nice Guy (2025) | Lee Dong‑wook กับบทบาทมาเฟีย ประกบคู่ Lee Sung‑kyung
เมื่อความรัก ความรุนแรง และอดีตที่ไม่อาจลบหลอมรวมกันในมาเฟียผู้แสนอบอุ่น
The Nice Guy ไม่ใช่ซีรีส์แนวมาเฟียที่เต็มไปด้วยฉากยิงกันล้างผลาญ แต่มุ่งเล่าเรื่องของคนคนหนึ่งที่ “อยากใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา” ทั้งที่เกิดมาในโลกของอาชญากรรม เรื่องราวของ พัคซอกชอล (Lee Dong‑wook) ที่พยายามหลุดพ้นจากวงจรเดิมของครอบครัว เพื่อค้นหาอิสรภาพทางใจและความรักที่แท้จริงกับนักร้องสาว คังมียอง (Lee Sung‑kyung) ทำให้พล็อตดูเข้าถึงง่าย แต่แฝงความขมขื่นอยู่ลึก ๆ
การแสดงของ Lee Dong‑wook ในบทบาทมาเฟียใจดี คือหัวใจของเรื่อง เขาใช้สีหน้าและจังหวะการพูดอย่างระมัดระวัง สะท้อนภายในที่เต็มไปด้วยบาดแผลและความหวัง ส่วน Lee Sung‑kyung ถ่ายทอดบทหญิงสาวที่ดูเหมือนจะบอบบาง แต่มีความกล้าเผชิญโลกแบบตรงไปตรงมา เคมีระหว่างทั้งสองไม่ได้เร่าร้อนทันที แต่ค่อย ๆ สะสมความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง
ซีรีส์ใช้โทนภาพแบบฟิล์มหม่น สีอุ่น-เทาในฉากกลางคืน และแสงธรรมชาติในฉากอบอุ่นกับคังมียอง เสริมความเปรียบต่างระหว่าง “โลกของเขา” กับ “โลกที่เขาอยากจะอยู่” ได้อย่างมีชั้นเชิง ขณะที่ดนตรีประกอบจะเป็นแนวอะคูสติก-แจ๊สเบา ๆ ทำให้ซีนอารมณ์มีพลังและไม่น่าเบื่อ
The Nice Guy แฝงประเด็นว่าด้วยการรับมือกับโชคชะตา การเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่ไม่สามารถเลือกได้ และการต่อสู้เพื่อความรักโดยไม่ยอมทำร้ายใคร จุดนี้ทำให้ซีรีส์ไม่ใช่แค่เรื่องโรแมนติกหรือมาเฟียธรรมดา แต่เป็น บทสนทนาเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ ที่ต้องเลือกเส้นทางชีวิตในโลกที่มีกฎของมันเอง
แม้จะมีบางช่วงที่เนื้อหาเคลื่อนตัวช้า แต่ทุกฉากมีจุดหมาย และเมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ ซีรีส์ก็ระเบิดพลังอารมณ์ออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยเฉพาะฉากเผชิญหน้ากับอดีตครอบครัวมาเฟีย หรือฉากเงียบ ๆ ที่ซอกชอลนั่งมองมียองร้องเพลง — ล้วนแล้วแต่สะท้อนหัวใจของเรื่องอย่างสงบนิ่งแต่ทรงพลัง
The Nice Guy (2025) คือซีรีส์ที่พลิกภาพจำเดิมของแนวมาเฟียโรแมนติก ด้วยการเล่าเรื่องจากมุมของ “ความอ่อนโยนท่ามกลางโลกที่โหดร้าย” และใส่รายละเอียดทางอารมณ์ได้อย่างประณีต พร้อมการแสดงระดับคุณภาพจากทั้ง Lee Dong‑wook และ Lee Sung‑kyung
ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนซีรีส์ดราม่า, โรแมนติก, หรือแค่อยากดูเรื่องราวของคนที่ “พยายามเป็นคนดีในโลกที่ไม่ง่าย” — เรื่องนี้จะทำให้คุณอินไม่รู้ตัว
ลลิน อัครเศรษฐ์
ผู้เขียน
