
ข้อมูลซีรีส์
ชื่อเรื่อง: The Last of Us เดอะลาสต์ออฟอัส
ปีที่ออกอากาศ: 2023
จำนวนตอน: 9 ตอน
แนว: ดราม่า / ผจญภัย / หลังวันสิ้นโลก / เอาชีวิตรอด
ผู้สร้าง: Craig Mazin (Chernobyl) และ Neil Druckmann (ผู้สร้างเกมต้นฉบับจาก Naughty Dog)
แพลตฟอร์ม: HBO (ในไทยรับชมได้ทาง HBO GO)
เรตติ้ง IMDb: 8.7/10
นักแสดงนำและตัวละครหลัก
Pedro Pascal รับบท Joel — ชายผู้แบกอดีตและความสูญเสียไว้ในใจ ผู้ที่ไม่เชื่อในอะไรอีกต่อไป นอกจากการอยู่รอด
Bella Ramsey รับบท Ellie — เด็กสาววัย 14 ปีที่อาจเป็นกุญแจไขความหวังของมนุษยชาติ ผู้มีจิตใจกล้าหาญและเต็มไปด้วยความอยากรู้
Anna Torv รับบท Tess — คู่หูที่เด็ดเดี่ยวและทรงพลังของ Joel
Gabriel Luna รับบท Tommy — น้องชายของ Joel ผู้ยังมีแสงสว่างของศรัทธาในตัว
Nick Offerman รับบท Bill — ผู้รอดชีวิตที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ก่อนจะพบความหมายของ “การมีใครสักคน”
Merle Dandridge รับบท Marlene — ผู้นำกลุ่ม Fireflies ที่พยายามรักษาความหวังของโลกด้วยทุกวิถีทาง

เรื่องย่อ The Last of Us ซีรีส์ที่บอกเราว่าต่อให้อยู่รอดก็ไม่มีวันได้โลกใบเดิม
ยี่สิบปีหลังการระบาดของเชื้อรา Cordyceps ที่เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็น “ผู้ติดเชื้อ” คล้ายซอมบี้ โลกได้ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง มนุษย์ถูกแบ่งแยกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐทหาร บ้างก็กลายเป็นผู้รอดชีวิตนอกระบบที่ต้องเอาตัวรอดในซากปรักหักพังของอารยธรรม
Joel ชายผู้ไร้ความหวัง ได้รับภารกิจสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล — เขาต้องลอบพา Ellie เด็กสาวผู้มีภูมิต้านทานต่อเชื้อรานี้ ออกจากเขตกักกันไปยังศูนย์วิจัยของกลุ่ม Fireflies ด้วยความหวังว่าเลือดของเธออาจเป็นทางออกสุดท้ายของโลก
แต่การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีแค่การเผชิญหน้ากับ “ผู้ติดเชื้อ” หรือโจรป่า มันคือการเผชิญหน้ากับอดีต ความเจ็บปวด และการตั้งคำถามว่า… “เราจะยอมเสียอะไรได้บ้าง เพื่อรักษาใครบางคนไว้?”
ตัวอย่างซีรีส์
รีวิวด้านต่างๆ ของซีรีส์ The Last of Us
The Last of Us ไม่ได้เป็นแค่ซีรีส์เอาตัวรอด หรือซีรีส์ซอมบี้ธรรมดาๆ — แต่มันคือการสำรวจแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ในสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งศีลธรรม มันพูดถึงความรัก ความสูญเสีย ความกลัว และความหวัง ได้อย่างคมคาย และทรงพลัง
1. การแสดง
Pedro Pascal ถ่ายทอดความขมขื่นของ Joel ได้ลึกซึ้ง เหมือนคนที่หมดศรัทธาต่อโลกใบนี้ และกลับมามีความหวังอีกครั้งผ่าน Ellie ขณะที่ Bella Ramsey สลัดภาพเด็กน้อยจาก Game of Thrones และฉายแววในบท Ellie ด้วยความซ่า อารมณ์ขัน และความเปราะบางที่สมจริง
เคมีของทั้งสองคนทำให้ผู้ชมรู้สึกถึง “สายสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ก่อร่างขึ้น” ไม่ใช่ด้วยคำพูดหวาน แต่ด้วยการอยู่ร่วมกันผ่านบาดแผลต่างๆ — ทั้งทางกายและทางใจ
2. โปรดักชัน
ทุกตอนของซีรีส์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าเชื่อถือ การออกแบบโลเกชัน เมืองร้าง และพื้นที่ป่ารกทึบต่าง ๆ ทำให้โลกหลังวันสิ้นโลกดูทั้งสวยงามและน่าสะพรึงในคราวเดียวกัน เอฟเฟกต์ผู้ติดเชื้อก็ทำออกมาได้อย่างสมจริง สยองขวัญ แต่ไม่เกินขอบเขต
3. การเล่าเรื่อง
แม้จะมีต้นฉบับจากเกม แต่ซีรีส์เลือกจะไม่เดินตามทุกฉากเป๊ะ ๆ กลับเพิ่มความลึก เช่น ตอนที่ 3 “Long, Long Time” ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวความรักของ Bill และ Frank ได้ซาบซึ้งจนกลายเป็นตอนในตำนานที่พูดถึงกันทั่วโลก
บางตอนอาจเดินช้า เน้นอารมณ์มากกว่าฉากบู๊ แต่ทั้งหมดก็เพื่อพาคนดูไปรู้จักตัวละครในแบบที่ลึกกว่าคำว่า “แค่เอาชีวิตรอด”
จุดเด่นของซีรีส์
การแสดงที่สมจริงและสะเทือนอารมณ์ โดยเฉพาะ Pascal และ Ramsey
โปรดักชันระดับสูง โลกหลังวันสิ้นโลกที่ทั้งสวยและเจ็บปวด
การเล่าเรื่องที่กล้าหาญ กล้าฉีกจากเกม แต่ยังเคารพต้นฉบับ
ตอนที่ 3 และตอนสุดท้าย คือการเขียนบทและการกำกับที่ดีที่สุดในซีรีส์ยุคหลังๆ
แต่อาจมีจุดบกพร่องบางประการ เช่น จังหวะของบางตอนค่อนข้างช้า โดยเฉพาะตอนที่ไม่มีฉากแอ็กชัน, คนที่ไม่เคยเล่นเกมอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับโลกของเรื่อง รวมถึงความดาร์กและความโหดในบางตอนอาจหนักเกินไปสำหรับผู้ชมทั่วไป
บทส่งท้าย
The Last of Us คือซีรีส์ที่กล้าตั้งคำถามว่า “ในโลกที่ไร้ความหวัง…ความรักยังมีค่าแค่ไหน?” มันคือซีรีส์ที่ไม่ได้ทำให้คุณกลัว แต่จะทำให้คุณ “รู้สึก” และเมื่อถึงตอนสุดท้าย…คุณอาจต้องเงียบอยู่สักพัก เพื่อถามใจตัวเองว่า “ถ้าเราเป็นโจล…เราจะเลือกอะไร?”