
ข้อมูลซีรีส์
- ชื่อซีรีส์: The Art of Negotiation (협상의 기술)
- ปีที่ฉาย: 2025
- หมวดหมู่: ดราม่า, ธุรกิจ
- ผู้กำกับ: อัน พันซอก
- ความยาว: 70 นาทีต่อตอน
- วันเข้าฉาย: 8 มีนาคม 2025
- คะแนน IMDb: 9.5/10 (คะแนนเปิดตัว)
นักแสดง
- อี เจฮุน รับบท ยุน จูโน
- คิม แดมยอง รับบท โอ ซุนยอง
- ซอง ดงอิล รับบท ซง แจซิก
- จาง ฮยอนซอง รับบท ฮา แทซู
- โอ มันซอก รับบท อี ดงจุน
- อัน ฮยอนโฮ รับบท กวัก มินจอง
- ชา คังยุน รับบท ชเว จินซู
ตัวอย่าง The Art of Negotiation ยอดอัจฉริยะ นักเจรจา
เรื่องย่อ The Art of Negotiation ยอดอัจฉริยะ นักเจรจา
The Art of Negotiation เล่าเรื่องราวของ อีซอนโฮ (รับบทโดย จูจินโม) นักเจรจาชั้นนำในบริษัทข้ามชาติ เขามีทักษะและความสามารถในการเจรจาที่เหนือชั้น แต่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเจรจานั้นไม่ได้มาจากทฤษฎีในห้องเรียน แต่เกิดจากประสบการณ์จริงจากการจัดการกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ซับซ้อนและซ่อนเร้น
การเจรจาในเรื่องนี้ไม่จำกัดแค่ในห้องประชุมหรือโต๊ะเจรจา แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางสังคมและการเมืองที่ซับซ้อน เมื่อ อีซอนโฮ ต้องเผชิญหน้ากับการเจรจาที่มีความขัดแย้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผลักดันผลประโยชน์ส่วนตัว หรือการรับมือกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางธุรกิจ

รีวิว The Art of Negotiation ยอดอัจฉริยะ นักเจรจา
ซีรีส์เกาหลีเรื่อง The Art of Negotiation (협상의 기술) เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ต้องจับตามองจากการผลิตของ tvN ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองในโลกธุรกิจ แต่ยังสะท้อนแง่มุมทางสังคมและจิตวิทยาในการต่อรองที่ท้าทายมุมมองของผู้ชมได้อย่างเต็มที่ มาดูกันว่าเหตุใดซีรีส์เรื่องนี้ถึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและมีอิทธิพลอย่างมากในวงการ
1. ตัวละครและการพัฒนาของตัวละครหลัก
อีซอนโฮ (จูจินโม) – ตัวละครนี้ถือเป็นหัวใจของเรื่องราว ภายนอกเขาคือคนที่มีความมั่นใจสูง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความเปราะบาง การเจรจาของเขานั้นไม่ใช่แค่การเอาชนะฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นการแก้ไขปัญหาที่มีมิติซับซ้อนหลายด้าน
ซอจีอา (รับบทโดย คิมฮเยซู) นักเจรจาสาวที่มีไหวพริบและความสามารถที่ไม่แพ้ใคร เธอคอยสังเกตและช่วยเหลือ อีซอนโฮ ในการทำงานหลายครั้ง ซึ่งจุดเด่นของตัวละครนี้คือ ความมุ่งมั่นและการวางแผนที่รอบคอบทุกครั้งที่ต้องเจรจา
ตัวละครอื่น ๆ ก็มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเนื้อเรื่อง รวมถึงตัวร้ายและคนที่มีผลประโยชน์แอบแฝง พวกเขาทำให้การเจรจามีสีสันและยากยิ่งขึ้นในการตัดสินใจ
2. ประเด็นและข้อความที่ซีรีส์ต้องการสื่อ
สิ่งที่ The Art of Negotiation ทำได้ดีคือการเน้นถึงความสำคัญของการ “เจรจาต่อรอง” ในแง่มุมที่ลึกซึ้งกว่าแค่เรื่องเงินและผลประโยชน์ มันเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างคน การตัดสินใจที่ต้องนำไปสู่การประนีประนอมอย่างมีสติ และการเรียนรู้จากความผิดพลาดในแต่ละครั้ง การต่อรองไม่เพียงแค่ในเชิงธุรกิจ แต่ยังเกี่ยวข้องกับความรัก ความสัมพันธ์ และแม้กระทั่งความไว้วางใจที่อาจถูกทำลายได้ในพริบตา
การสร้างตัวละครที่มีมิติหลากหลายและการตัดสินใจที่ยากลำบากจากทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายเดียวกัน ทำให้การเจรจาในซีรีส์นี้น่าสนใจและกระตุ้นความคิดของผู้ชมได้ดี
3. การดำเนินเรื่องและการถ่ายทำ
การดำเนินเรื่องของซีรีส์นี้มีความต่อเนื่องและไม่น่าเบื่อ เนื่องจากเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ที่ อีซอนโฮ และ ซอจีอา ต้องเจอ ในแต่ละตอนจะมีการเจรจาที่ไม่ซ้ำกัน โดยมีการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกัน ทั้งการใช้เหตุผล การจับจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม หรือการให้ความสำคัญกับอารมณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและคาดไม่ถึง
ภาพและการถ่ายทำของซีรีส์นี้ก็มีคุณภาพสูง สถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำถูกเลือกมาอย่างดีเพื่อเพิ่มอารมณ์ในการเจรจาและการวางแผนในสถานการณ์ต่าง ๆ มีความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ดึงดูด
จุดเด่นของซีรีส์
การสร้างบทที่สมจริง ทุกการเจรจาถูกสร้างมาอย่างมีความหมายและเน้นถึงความลึกซึ้งทางจิตวิทยาของการเจรจาต่อรอง และการแสดงที่ยอดเยี่ยม การแสดงของ จูจินโม และ คิมฮเยซู เป็นจุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์นี้น่าสนใจยิ่งขึ้น และการให้ข้อคิด ซีรีส์ไม่เพียงแค่บอกวิธีการเจรจา แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีสติในทุกการตัดสินใจ
แต่ก็ยังมีจุดอ่อนบางประการได้แก่ บางตอนอาจจะดูซับซ้อนเกินไป สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับโลกธุรกิจหรือการเจรจาอาจจะรู้สึกตามไม่ทันในบางช่วง
บทสรุปการรีวิวซีรีส์ The Art of Negotiation (2025)
The Art of Negotiation (협상의 기술) เป็นซีรีส์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเจรจาและการวางแผนอย่างลึกซึ้ง นอกจากจะได้เรียนรู้ทักษะการเจรจาที่หลากหลาย ยังได้เห็นความสำคัญของการเลือกทางที่ถูกต้องในการตัดสินใจในชีวิตด้วย มันเป็นเรื่องราวที่มีความสนุกและคิดตามได้ พร้อมทั้งทิ้งข้อคิดให้ผู้ชมกลับไปทบทวนการตัดสินใจของตัวเองในชีวิตประจำวัน
ซีรีส์นี้ถือเป็นการสอดแทรกการเจรจาอย่างมีชั้นเชิงผ่านตัวละครที่มีมิติ ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดและความมันส์ไปพร้อม ๆ กัน