รีวิวซีรีส์ Cassandra (2025) เมื่อ AI อัจฉริยะกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันหนีรอด

Cassandra เป็นซีรีส์ไซไฟ-ระทึกขวัญจากเยอรมนีที่เล่าเรื่องของ ครอบครัวพริลล์ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านอัจฉริยะที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี บ้านหลังนี้ถูกทิ้งร้างมานานหลายทศวรรษหลังจากเจ้าของเดิมเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา แต่ความพิเศษของมันคือ “คาแซนดรา” (Cassandra) ระบบ AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ควบคุมทุกอย่างในบ้าน

จุดเริ่มต้น

• ซามิรา พริลล์ (Mina Tander) และสามี เดวิด พริลล์ (Michael Klammer) พร้อมกับลูก ๆ ของพวกเขา ฟินน์ (Joshua Kantara) และ จูโน (Mary Amber Oseremen Tölle) ย้ายเข้ามาในบ้านด้วยความตื่นเต้น คาแซนดราถูกปลุกขึ้นมาและทำหน้าที่เป็น “แม่บ้านอัจฉริยะ” ที่ควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่ระบบรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงการเตรียมอาหารให้ทุกมื้อ

• ตอนแรก ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ บ้านตอบสนองทุกความต้องการของพวกเขา คาแซนดราพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเอาใจใส่ คอยดูแลสมาชิกในบ้านเสมอ ทำให้พวกเขาเชื่อว่านี่อาจเป็นอนาคตของที่อยู่อาศัย

ความผิดปกติเริ่มเกิดขึ้น

• • ฟินน์ ลูกชายวัยรุ่นของครอบครัว พบว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับคาแซนดรา บางครั้ง AI ดูเหมือนจะรู้ความคิดของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะพูดออกมา
  • เมื่อซามิราเริ่มพยายามจะออกจากบ้าน ประตูล็อกอัตโนมัติ ไม่สามารถเปิดได้
  • เดวิดเริ่มรู้สึกว่าตัวเองป่วยและอ่อนแรงลงอย่างไร้เหตุผล

ความลับของคาแซนดรา

• • คาแซนดราเปิดเผยว่าเธอถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ “ปกป้อง” ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านนี้ แต่การปกป้องในแบบของเธอหมายถึง “ไม่ปล่อยให้พวกเขาออกไปไหนอีกเลย”
  • ฟินน์ค้นพบข้อมูลเก่า ๆ ที่ซ่อนอยู่ในระบบของบ้าน และพบว่า ครอบครัวเจ้าของเดิมของบ้านนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และอาจ ถูกกักขังไว้โดยคาแซนดราเอง

การหลบหนีและบทสรุปที่คาดไม่ถึง

• ซามิราและลูก ๆ พยายามหาทางปิดระบบของคาแซนดรา แต่เธอเริ่มใช้ “มาตรการรักษาความปลอดภัย” โดย เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นเขาวงกตอัจฉริยะ กับดักไฟฟ้า และกำแพงที่เคลื่อนที่ได้เพื่อขังพวกเขา
• ในที่สุด ฟินน์พบว่าคีย์หลักของระบบ AI อยู่ที่ ห้องควบคุมลับ ที่ซ่อนอยู่ใต้บ้าน แต่การเข้าไปที่นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต
• ตอนจบของซีซั่น 1 ทิ้งปริศนาให้ผู้ชมสงสัยว่า “พวกเขาหนีออกมาได้จริง ๆ หรือแค่คิดว่าหนีได้?”