
ข้อมูลหนัง
- ชื่อหนัง: Alice in Borderland (อลิสในแดนมรณะ)
- ปีที่ฉาย: 2022
- หมวดหมู่: แอ็กชัน, ผจญภัย, ระทึกขวัญ, ไซไฟ
- ผู้กำกับ: ชินสุเกะ ซาโตะ (Shinsuke Sato)
- ความยาว: 8 ตอน (ต่อซีซัน)
- วันเข้าฉาย: 10 ธันวาคม 2020
- คะแนน IMDb: 7.7/10
นักแสดง
- เคนโตะ ยามาซากิ (Kento Yamazaki) รับบท เรียวเฮ อาริสึ
- ทาโอะ ซึจิยะ (Tao Tsuchiya) รับบท อุซางิ
- นิจิโระ มุราคามิ (Nijiro Murakami) รับบท ชิซึยะ
- อายากะ มิโยชิ (Ayaka Miyoshi) รับบท อัน
- ทสึโยชิ อาเบะ (Tsuyoshi Abe) รับบท คุเงนะ
- ยูริ สึเนมัตสึ (Yuri Tsunematsu) รับบท เฮยะ
- โทโมฮิสะ ยามาชิตะ (Tomohisa Yamashita) รับบท คิวมะ
เรื่องย่อ
ซีซั่นที่ 2 ของ Alice in Borderland นำเสนอเรื่องราวที่ดุเดือดและท้าทายยิ่งขึ้น ขยายขอบเขตของ Borderland ให้เต็มไปด้วยปริศนาและความโหดร้ายมากกว่าเดิม หลังจากที่อาริสึและอุซางิเอาชีวิตรอดจากเกมสุดโหดของซีซั่นแรก พวกเขายังต้องเผชิญกับความท้าทายระดับใหม่ นั่นคือ “Face Cards” หรือไพ่หน้า (ราชา, ราชินี, แจ็ค) ซึ่งเป็นเกมที่ไม่ได้มีแค่ความยากระดับสูงสุด แต่ยังเป็นศึกที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ “บอส” หรือเจ้าของเกมที่ทรงพลังและฉลาดหลักแหลม
เกมในซีซั่นนี้มีความซับซ้อนและกดดันมากขึ้น แต่ละเกมออกแบบมาเพื่อทดสอบขีดจำกัดของมนุษย์ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ความหวาดกลัวที่แฝงอยู่ในทุกเกม ทำให้ผู้เล่นต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา หลายครั้งที่พวกเขาต้องเลือกระหว่างศีลธรรมกับการอยู่รอด
ตัวอย่าง Alice in Borderland (2022)
รีวิวเจาะลึก Alice in Borderland อลิสในแดนมรณะ Season 2 (2022)
1. งานภาพและการกำกับที่ยกระดับไปอีกขั้น
ในซีซันที่ 2 Alice in Borderland ได้ยกระดับงานภาพและโปรดักชันขึ้นจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ผู้กำกับ ชินสุเกะ ซาโตะ (Shinsuke Sato) ยังคงรักษาสไตล์การกำกับที่เน้นความตึงเครียดและความสมจริงของฉากแอ็กชันได้อย่างยอดเยี่ยม
ฉากแอ็กชันที่โดดเด่น
- ฉากการต่อสู้กับ “ราชาโพดำ” (King of Spades) เป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของซีรีส์ ภาพการไล่ล่ากลางเมืองโตเกียวที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ผสมกับฉากยิงสุดระทึก ทำให้ฉากนี้ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังฮอลลีวูดระดับบล็อกบัสเตอร์
- ฉากสนามกีฬาร้างของ “ราชาโพแดง” (King of Hearts) ถูกออกแบบให้ดูลึกลับและเต็มไปด้วยความกดดัน เมื่อผู้เล่นต้องเผชิญกับความเป็นความตายในเกมจิตวิทยา
- เอฟเฟกต์พิเศษและงาน CGI ของซีซันนี้ดูสมจริงขึ้น โดยเฉพาะฉากเมืองโตเกียวร้างและฉากเกมที่ใช้เทคนิคภาพยนตร์ระดับสูง
โดยรวมแล้ว ซีซันนี้มีฉากที่ยิ่งใหญ่และตื่นเต้นมากขึ้นกว่าภาคแรกอย่างชัดเจน
2. เนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้น และการเปิดเผยความจริงของ Borderland
ในขณะที่ซีซันแรกเน้นไปที่การเอาตัวรอดในเกมของผู้เล่น ซีซันที่ 2 ขยายขอบเขตของเรื่องราวให้กว้างขึ้น โดยให้ผู้ชมเข้าใจถึง กฎของ Borderland และปริศนาที่ค้างคามาตั้งแต่ซีซันแรก
เกมในซีซันนี้ยกระดับความซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้น
- ผู้เล่นต้องเผชิญกับ Face Cards หรือ ไพ่หน้า (ราชา, ราชินี, แจ็ค) ซึ่งแตกต่างจากเกมปกติ เพราะ ไม่ได้เป็นแค่เกมที่ต้องเอาชนะเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับ “บอส” หรือ “เจ้าของเกม” โดยตรง
- เกมแต่ละประเภทสะท้อนถึงจิตวิทยาและพัฒนาการของตัวละคร เช่น
- ราชาโพดำ ที่บังคับให้ผู้เล่นต้องต่อสู้แบบเอาตัวรอด
- ราชาโพแดง ที่เป็นเกมจิตวิทยาที่เล่นกับความเชื่อใจของคน
การเปิดเผยความจริงของ Borderland
- เนื้อเรื่องในช่วงท้ายของซีซันเริ่มเฉลยว่า Borderland อาจเป็นสถานที่ระหว่างความเป็นและความตาย
- คำถามที่ว่าผู้เล่นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และ Borderland เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผู้ชมต้องลุ้นจนถึงตอนจบ
3. การแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์และพัฒนาการของตัวละคร
นักแสดงนำทุกคนทำผลงานได้ดีมากในซีซันนี้ โดยเฉพาะ เคนโตะ ยามาซากิ (Kento Yamazaki) และ ทาโอะ ซึจิยะ (Tao Tsuchiya)
เคนโตะ ยามาซากิ (Kento Yamazaki) รับบท อาริสึ
→ ในซีซันนี้ อาริสึไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่นที่ต้องเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญกับ ความสงสัยในตัวเอง ว่าเขาควรจะต่อสู้เพื่ออะไร และ Borderland คืออะไรกันแน่
→ ฉากอาริสึต้องเลือกว่าควรอยู่ต่อหรือละทิ้งทุกอย่างเป็นหนึ่งในฉากที่ทำให้ตัวละครนี้มีมิติที่สุดทาโอะ ซึจิยะ (Tao Tsuchiya) รับบท อุซางิ
→ ตัวละครหญิงแกร่งที่กลายเป็นเสาหลักของอาริสึในซีซันนี้
→ ฉากที่เธอเปิดเผยถึงอดีตของพ่อและความเชื่อของเธอเกี่ยวกับการใช้ชีวิตเป็นหนึ่งในฉากที่สะเทือนอารมณ์มากนิจิโระ มุราคามิ (Nijiro Murakami) รับบท ชิซึยะ
→ มีบทบาทสำคัญในช่วงท้ายของเรื่อง โดยเฉพาะเกมของราชาโพแดงโทโมฮิสะ ยามาชิตะ (Tomohisa Yamashita) รับบท คิวมะ ราชาโพดำ
→ หนึ่งในตัวละครใหม่ที่ได้รับความสนใจมาก ด้วยคาแรกเตอร์ของราชาที่เต็มไปด้วยพลังและคาริสม่า
4. ฉากที่น่าจดจำและเกมที่สร้างความกดดัน
ซีซันนี้มีฉากที่น่าจดจำหลายฉาก โดยเฉพาะเกม Face Cards ที่ท้าทายกว่าภาคแรก
เกมของราชาโพดำ (King of Spades)
- เป็นเกมที่แตกต่างจากเกมอื่น ๆ เพราะเป็นการไล่ล่าตลอดทั้งซีซัน
- ราชาโพดำเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยม ทำให้เขากลายเป็นศัตรูที่ทรงพลังที่สุดในซีรีส์
เกมของราชินีข้าวหลามตัด (Queen of Diamonds)
- เป็นหนึ่งในเกมที่ใช้กลยุทธ์มากที่สุด
- เป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจโครงสร้างของ Borderland มากขึ้น
ฉากจบของซีซัน
- เป็นฉากที่ทำให้ผู้ชมตั้งคำถามเกี่ยวกับความจริงของโลก Borderland และเป็นการปิดฉากที่ทรงพลัง
5. ธีมและแนวคิดที่ถูกนำเสนอ
นอกจากความระทึกและเกมเอาชีวิตรอด ซีซันนี้ยังนำเสนอประเด็นทางจิตวิทยาและแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์
ชีวิตและความตาย
- Borderland อาจเป็นดินแดนคั่นกลางระหว่างชีวิตและความตาย และการชนะเกมไม่ได้หมายถึงการรอดชีวิตเสมอไป
ความหมายของการมีชีวิต
- ตัวละครแต่ละตัวต้องเผชิญกับคำถามว่า พวกเขาต่อสู้เพื่ออะไร และทำไมพวกเขาถึงต้องการมีชีวิตรอด
ศีลธรรมและการเลือกของมนุษย์
- หลายเกมในซีซันนี้ทดสอบศีลธรรมของผู้เล่น ว่าพวกเขาจะเลือกทางไหนเมื่อถูกบีบให้ต้องตัดสินใจ
สรุปการรีวิว Alice in Borderland Season 2 (2022)
Alice in Borderland Season 2 เป็นภาคต่อที่ยกระดับจากภาคแรก ทั้งในด้านของ งานภาพ เนื้อเรื่อง และเกมที่ซับซ้อนขึ้น การเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ Borderland ทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น และทำให้ผู้ชมต้องติดตามจนถึงวินาทีสุดท้าย เหมาะสำหรับคนที่ชอบซีรีส์แนวเอาตัวรอดที่มีทั้งแอ็กชัน ระทึกขวัญ และประเด็นเชิงลึกให้ขบคิด!