
ข้อมูลภาพยนตร์
ชื่อหนัง: The Boy and the Heron เด็กชายกับนกกระสา
ชื่อญี่ปุ่น: 君たちはどう生きるか (Kimitachi wa Dō Ikiru ka)
ปีที่ฉาย: 2023
หมวดหมู่: แอนิเมชัน / ดราม่า / แฟนตาซี
ผู้กำกับ: Hayao Miyazaki
ความยาว: 124 นาที
คะแนน IMDb: 7.4/10
นักพากย์
- Soma Santoki พากย์เสียง Mahito
- Masaki Suda พากย์เสียง นกกระสานักล่าปริศนา (The Grey Heron)
- Kō Shibasaki พากย์เสียง นัตสึโกะ (แม่เลี้ยง)
- Takuya Kimura พากย์เสียง โชจิ (พ่อของ Mahito)
ตัวอย่าง The Boy and the Heron เด็กชายกับนกกระสา
เรื่องย่อแบบไม่มีสปอยล์
Mahito เด็กชายวัย 12 ปี ต้องย้ายจากโตเกียวไปอยู่ต่างจังหวัดหลังจากแม่เสียชีวิตจากไฟไหม้ช่วงสงคราม เขาใช้ชีวิตในคฤหาสน์ของครอบครัวแม่เลี้ยง และพบกับ “นกกระสา” ตัวหนึ่งที่พูดได้และอ้างว่ารู้ความลับเกี่ยวกับแม่ของเขา
เมื่อแม่เลี้ยงหายตัวไปอย่างลึกลับ Mahito จึงตามไปในโลกเหนือจริงที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด เมืองลอยฟ้า วิญญาณเด็ก และบรรดาผู้พิทักษ์ที่พูดรหัสลับ เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงเกี่ยวกับครอบครัว และคำถามว่า “ใครจะเป็นผู้สร้างโลกใหม่ต่อจากนี้?”

รีวิวหนัง The Boy and the Heron (2023) สู่โลกของ Miyazaki ที่ลึกที่สุด
“The Boy and the Heron” หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า “Kimitachi wa Dō Ikiru ka” (君たちはどう生きるか / “How Do You Live?”) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันแฟนตาซีเชิงปรัชญา ที่ไม่ได้มีคำตอบให้คนดูอย่างตรงไปตรงมา แต่เป็นการเปิดประตูให้เราถามตัวเองว่า “เราจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร” ในโลกที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย ความเปราะบาง และการเปลี่ยนผ่าน — โดยใช้ภาษาภาพอันสวยงามตามสไตล์ Studio Ghibli ผสมกับการเดินทางของเด็กชายในโลกเหนือจริงที่งดงามและน่าหวาดหวั่นไปพร้อมกัน
1. โลกแฟนตาซีที่เป็นทั้งภาพในใจเด็ก และภาพในจิตของผู้ใหญ่
ต่างจากเรื่องก่อนหน้าอย่าง Spirited Away หรือ Howl’s Moving Castle ซึ่งพาเด็กเข้าไปในโลกมหัศจรรย์เพื่อเรียนรู้บางสิ่ง เรื่องนี้พา Mahito เข้าไปในโลกที่เหมือนจะถูก “สร้างขึ้นโดยผู้ใหญ่” แล้วกำลังแตกสลาย — โลกที่กำลังจะถูกส่งต่อให้เด็กรุ่นใหม่สร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง
สิ่งที่ Mahito พบไม่ใช่แค่ความลึกลับของโลกแฟนตาซี แต่คือ “ปมในใจของตัวเอง” ทั้งความเศร้า ความสับสน และคำถามต่อชีวิต
โลกนั้นจึงเต็มไปด้วยเงา ความตาย การสลายตัว และความไม่แน่นอน แต่มันกลับงดงามอย่างน่าอัศจรรย์

2. นกกระสา: ผู้นำทาง หรือจิตใต้สำนึก?
ตัวละคร นกกระสา (The Heron) ในเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่คู่หู หรือสัตว์พูดได้เพื่อความน่ารัก — แต่มันเปรียบเสมือน เสียงในใจ ของ Mahito ที่ทั้งชักนำ หยอกเย้า และผลักเขาให้เดินหน้า
มันเป็นตัวแทนของ “ความสงสัย” และ “ความหวัง” พร้อมกันในตัวเดียว — ถามคำถามยาก ๆ โดยไม่ให้คำตอบที่ง่ายเลยสักนิด เหมือนกับชีวิตจริงที่เราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง
3. ธีมของการเติบโตที่เจ็บปวด แต่จำเป็น
ภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึง “การก้าวพ้นความสูญเสีย” อย่างแนบเนียน Mahito ต้องแบกรับทั้งความเจ็บปวดจากการสูญเสียแม่, ความสับสนในครอบครัว, และความกดดันที่ต้องเป็นคนเข้มแข็งในโลกที่ไม่เคยอธิบายอะไรให้เขาเลย
แต่สิ่งที่ Miyazaki เล่า คือ แม้จะไม่มีคำตอบใดสมบูรณ์ — เด็กคนหนึ่งก็สามารถ “เลือก” ได้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความเข้าใจใหม่ ว่าโลกไม่เคยสมบูรณ์แบบ และเราต้องรับผิดชอบต่อโลกที่เราจะสร้างขึ้นเอง
4. ภาพ เสียง และจังหวะ: บทกวีแห่ง Ghibli ที่ไม่มีวันล้าสมัย
งานภาพของ Ghibli ยังคงนุ่มนวลและมีพลังเสมอ — ทั้งฉากธรรมชาติในชนบทญี่ปุ่น, โลกแฟนตาซีที่ลื่นไหลเหมือนภาพในฝัน, และการเคลื่อนไหวของตัวละครที่เต็มไปด้วย “น้ำหนักความรู้สึก”
ดนตรีประกอบโดย Joe Hisaishi คู่บุญของ Miyazaki ก็ยังคงอบอุ่นและเปี่ยมอารมณ์ สะกดคนดูตั้งแต่ฉากแรกจนถึงตอนจบ โดยไม่ต้องมีบทพูดมากมาย

ถ้าคุณคือ 1 ในลิสต์นี้ คุณควรดู The Boy and the Heron (2023)
คนที่ชอบ Ghibli และงานของ Miyazaki โดยเฉพาะแนวลึกซึ้งเชิงปรัชญา
คนที่ผ่านความสูญเสีย และกำลังหาความหมายใหม่ให้ชีวิต
ผู้ใหญ่ที่อยากกลับไปมองโลกผ่านสายตาเด็ก…อย่างจริงจัง
ผู้ชมที่ชอบหนังอย่าง Spirited Away, The Tale of the Princess Kaguya, หรือ The Little Prince
การกลับมาของ Miyazaki ที่ไม่ใช่แค่หนังเรื่องใหม่ — แต่มันคือเสียงลาจากที่งดงาม
The Boy and the Heron อาจไม่ใช่หนังที่เข้าใจง่าย หรือเล่าเรื่องตรงไปตรงมา แต่หากเปิดใจรับ “สัญลักษณ์” “อารมณ์” และ “ความเงียบ” คุณจะพบว่ามันคือหนึ่งในหนังที่พูดกับหัวใจผู้ชมอย่างลึกที่สุดเรื่องหนึ่งในทศวรรษนี้
มันเป็นทั้งจดหมายจากผู้ใหญ่ถึงเด็ก… และจดหมายจากเด็กในตัวเราที่ยังไม่ยอมโตไปไหนเลย
“เมื่อเราต้องเลือกว่าจะอยู่ในโลกเดิม หรือสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่า — คุณจะเลือกแบบไหน?”
แล้วคุณล่ะ ตีความภาพยนตร์เรื่อง The Boy and the Heron ได้ว่ายังไง…?